JSP คงเป้ารายได้ปีนี้โต 5 พันลบ.-ยอดขาย 5.9 พันลบ.ตั้งงบลงทุน 4 พันลบ.

JSP คงเป้ารายได้ปีนี้โต 5 พันลบ.-ยอดขาย 5.9 พันลบ.ตั้งงบลงทุน 4 พันลบ.


นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้เติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 3,327.09 ล้านบาท และคาดยอดขายจะอยู่ที่ 5,900 ล้านบาท รวมถึงยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ 15% เป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ คือ Focus โครงการที่เปิดแล้ว ,เร่งรัดงานโอน ,เพิ่มยอดขายของโครงการเดิมเพื่อลด Inventory และบริหารสต็อกสินค้า โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ราว 4,000 ล้านบาท คาดจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้เพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 7,861 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 8 โครงการ ได้แก่ J City ติวานนท์-บางกะดี่ ,J Grand สาธร-กัลปพฤกษ์ ,J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง,J City วงแหวน-บางใหญ่ ,J Grand Villa สาธร-กัลปพฤกษ์,J City  อัสสัมชัญ -ศรีราชา ,J Villa พัทยา-ชัยพฤกษ์ และโครงการพระราม 4 ขณะที่คอนโดมิเนียมจะเปิดราว 2 โครงการ แบ่งเป็น J Condo พระราม 2 และ J Condo บางเสร่ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การตลาดการเปิดตัวโครงการใหม่ จะเน้นรอบการขายเร็ว หรือเน้น Value For Money & Economy ระดับราคา 1.69-5 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้อย่างต่อเนื่องจำนวน 4 โครงการ บริเวณทำเลทอง มูลค่ารวม 3,087 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ J Town Ph2 & J Villa แพรกษา ,J Villa บางปะกง ,J Legend ไมอามี่ บางปู และ J Villa รังสิต คลองหนึ่ง  ส่วนงบลงทุนวางไว้ที่ 4,000 ล้านบาท ใช้ในการซื้อที่ดินแปลงใหม่ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต รวมถึงใช้ก่อสร้างโครงการใหม่ในปีนี้

สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 60 มองว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปัจจัยสนุบสนุน คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ที่น่าจะเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ,การท่องเที่ยวเริ่มขยายตัว จากยอดจองห้องพักล่วงหน้า 3 เดือนขยับขึ้น ,ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งช่วยสนับสนุนภาคส่งออกไทย ,สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้การสนับสนุนการลงทุน และพ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุน และมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% และคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) เติบโต 3% เป็นผลมาจากการใช้จ่ายภาครัฐ และเอกชน

พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนขออนุมัติผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อขอออกหุ้นกู้ โดยจะขอในวงเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท แต่คาดว่าปีนี้จะออกหุ้นกู้ราว 2,000 ล้านบาท โดยเริ่มในเดือนพ.ค.นี้ ที่น่าจะออกหุ้นกู้ได้ราว 500-800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อที่ดินใหม่ ๆ และการพัฒนาโครงการใหม่   

 

 

Back to top button