เคาะ 10 หุ้นฟอร์มโตน่าสอย SET ลุ้นรีบาวด์

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มทรงตัวเพื่อรอผลประชุมเฟด และอาจมี Technical Rebound ระหว่างวัน ขณะที่แรงกดดันจากหุ้น GL เริ่มลดลง การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และกำไรไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.27 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไปในปีนี้ด้วย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มทรงตัวเพื่อรอผลประชุมเฟด และอาจมี Technical Rebound ระหว่างวัน ขณะที่แรงกดดันจากหุ้น GL เริ่มลดลง การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และกำไรไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาดี หุ้นเด่นเลือก SCC-PTTGC-WORK-KBANK-TMB-KTB-SCB-KKP-GFPT และ KCE

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) ว่า ภาวะการซื้อขายวานนี้ถูกแรงกดดันจากประเด็นความไม่ชัดเจนการปล่อยกู้ของบริษัท GL ส่งผลให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและขายทำกำไรในหุ้น Mid – Small Cap. ทิศทางการซื้อขายวันนี้คาดดัชนี SET น่าจะทรงตัวเพื่อรอประเมินผลการประชุม FOMC ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหากเฟดจะไม่ส่งสัญญาณรีบขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม พ.ค./มิ.ย. นี้อีกครั้ง น่าจะส่งผลให้ดัชนีเริ่มฟื้นตัวได้

กลยุทธการลงทุน ประเมินแนวรับ 1,520 – 1,530 จุด และแนวต้าน 1,550 – 1,560 จุด แนะนำเก็งกำไรตามกรอบการลงทุน แนะนำซื้อ GFPT และ KCE คาดได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 1,532-1,546 จุดวันนี้ มองแรงกดดันจากหุ้น GL จะเริ่มลดลงหลัง Market Cap ปรับลดลงจาก 9 หมื่นล้านบาท ณ.สิ้นเดือน ก.พ.มาที่ 2.7 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน และแม้อาจมี Technical rebound ระหว่างวัน แต่ยังไม่ใช่โอกาสในการ “เพิ่มพอร์ต” แต่อย่างใด เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ย Fed ที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ Bond yield เร่งตัวขึ้น และทำให้การลงทุนในหุ้นเมื่อดูจาก earnings yield gap ไม่ได้น่าสนใจมากนัก

แนะนำ “Selective” หุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มหุ้นที่กำไรไตรมาส 1/17 แข็งแกร่ง และถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น ได้แก่

1) “ซื้อ” กลุ่มธนาคาร : ได้ผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นอย่าง KBANK TMB KTB (PVB 1.02 เท่า และคาดปันผล 4.5% ในอีก 3 เดือนข้างหน้า) และ “ซื้อ” KKP ปรับปันผล 6% ในอีก 3 เดือน และ 9% ปีนี้

2) “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่กำไรไตรมาส 1/17 ออกมาดี ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น : SCC PTTGC และ WORK ขณะที่ “เก็งกำไร” GFPT

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (14 มี.ค.) กลับมามีมุมมองเป็นกลางคาด SET และลุ้นเกิด Technical rebound ต่อเนื่องจากวานนี้ โดยมีปัจจัยบวกคือ 1) Fund flow ต่างชาติเริ่มชะลอตัว ค่าเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าต่อเนื่อง ขณะที่ Bond Yield เริ่มกลับมาลดลง เป็นบวกต่อหุ้น Big Cap ซึ่งเริ่มเห็นแรงซื้อสะสมตั้งแต่เมื่อวาน, 2) คาดบรรยากาศการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กน่าจะกลับมาฟื้นตัวหากหุ้น GL ไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP จากตลาดเหมือนกับที่ตลาดวิตกกังวลในช่วงก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการฟื้นตัวของดัชนีจะเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการประชุมของเฟดที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้และจะรู้ผลในช่วงเช้าของวันที่ 16 ตามเวลาของบ้านเรา โดยประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุดคือถ้อยแถลงหลังการประชุมของเฟดว่าจะส่งสัญญาณในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไปอย่างไร

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : SCB (ซื้อ/เป้า 170.00 [ท) คาดกำไรสุทธิเติบโตมากที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ จาก Loan Growth ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 4 – 6% และ NPL มีแนวโน้มลดลง

Back to top button