คัด 9 หุ้นเด่นวิ่งรับฤดูร้อน ชู 3 ธีมเด็ดน่าเก็บเข้าพอร์ต!

เข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัวแน่นอนแม้อากาศจะร้อนระอุ แต่สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นยังไปได้สวย โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีช่วงฤดูร้อนและถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจก็ว่าได้ ดังนั้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศดังกล่าว


เข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัวแน่นอนแม้อากาศจะร้อนระอุ แต่สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นยังไปได้สวย โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีช่วงฤดูร้อนและถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจก็ว่าได้ ดังนั้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศดังกล่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่ได้รับผลดีดังกล่าวมานำเสนอนักลงทุน โดยครั้งนี้อาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ซึ่งได้ระบุว่า หุ้นที่ได้รับผลดีช่วงฤดูร้อนมี 3 กลุ่มดังนี้

1) กลุ่มหุ้นเครื่องดื่ม (SAPPE, TACC, ICHI และ CBG) และขวดน้ำดื่ม (SITHAI) : แนะนำ “เก็งกำไร” TACC แนวรับ 8.35 บาท / แนวต้าน 8.8 – 9.25 บาท และ SITHAI แนวรับ 1.96 บาท / แนวต้าน 2.0 – 2.18 บาท

2) กลุ่มหุ้นผลิตพัดลม แอร์ (KOOL และ SNC) : ลือก KOOL เป็นหุ้นเด่น แนวรับ 7.0 บาท / แนวต้าน 8.2 บาท

3) กลุ่มหุ้นสินเชื่อเช่าซื้อ แอร์ (SINGER และ TSR) : แนะนำ “เก็งกำไร” SINGER แนวรับ 12.5 บาท / แนวต้าน 14.4 บาท และ TSR แนวรับ 4.8 บาท / แนวต้าน 5.0 – 5.25 บาท

 

สำหรับกลุ่มหุ้นเครื่องดื่มโบรกฯแนะนำ “เก็งกำไร” TACC และ SITHAI โดยบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ประกอบธุรกิจจัดหา ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟ แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ 2 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนากับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ เครื่องดื่มในโถกดในร้าน 7-Eleven และ2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ ชาเขียวพร้อมดื่มตรา “เชนย่า” (Zenya), กาแฟปรุงสำเร็จตรา “วีสลิม” (VSlim) ,เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงตรา “ชาช่า” (Sha Sha) ,ตรา “ณ อรุณ” (Na-Arun) และตรา “สวัสดี” (Sawasdee)

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัทที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า ในปี 60 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเกิน 10-15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,183.94 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนที่วางจำหน่ายใน 7-Eleven และแผนการบุกตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนที่มาของรายได้ โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ของกลุ่ม Non 7-Eleven ในปี 2563 อยู่ที่ 35% ของรายได้จากขาย เพื่อกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 60 บริษัทได้มีการเปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดกัมพูชา ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล และได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ม.ค.60 ภายใต้แบรนด์ Jump Start เจาะกลุ่มค้าพรีเมี่ยม เช่นเดียวกับเครื่องดื่มชาเขียว Zenya ที่ได้เข้าไปทำตลาดในช่วงก่อนหน้าจนเป็นแบรนด์ชั้นนำอย่างเต็มภาคภูมิ

สำหรับ “จั๊มพ์ สตาร์ท” เป็นสินค้าพรีเมี่ยมและแตกต่างด้วยส่วนผสมจินเส็ง ชาเขียว และวิตามินรวม โดยมั่นใจว่าจะทำให้แนวโน้มรายได้และกำไรของ TACC ในอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพิ่มสัดส่วนรายได้นอกกลุ่ม 7-Eleven มากขึ้น ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงธุรกิจได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ บริษัทได้วางขายเครื่องดื่มผงรสชาติทุเรียนและมะม่วงในตลาดจีนภายใต้แบรนด์ Sawasdee ตั้งแต่เดือนก.พ.60 เป็นต้นไป จะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้จากการส่งออกได้มากขึ้น จากในปี 59 มีสัดส่วนราว 9% ของรายได้รวม

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  แนวโน้มปี 60 โตเคียงคู่พันธมิตรหลัก 7-11 และได้ส่วนหนุนจากสินค้าส่งออก บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.08 บาท/หุ้น XD 24 เม.ย. จ่าย 17 พ.ค. คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 44% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท

ส่วนบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่องานอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำจากเมลามีน สายธุรกิจซื้อมาขายไปและสายงานแม่พิมพ์ โบรกฯแนะนำ “เก็งกำไร”โดยให้แนวรับ 1.96 บาท และแนวต้าน 2.0 – 2.18 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บุว่า SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) แนะนำ “ถือ” หากดีดพ้นแนวต้าน 2.0 บาทได้ แนะนำ “Follow buy” ประเมินแนวต้านถัดไป 2.06 บาท แต่ถ้าต่ำกว่า 1.95 บาท แนะนำ “Stop loss”  ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดในปีก่อน อย่างไรก็ดีคาดการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานจะเริ่มเด่นชัดในไตรมาส 2/60

 

ส่วนกลุ่มหุ้นผลิตพัดลม แอร์ โบรกฯแนะนำบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เป็นหุ้นเด่นโดยบริษัทดำเนินธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ และพัดลมอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า “MASTERKOOL” และ “Cooltop” นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการเช่าใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รวมถึงออกแบบและติดตั้งระบบระบายความร้อน และระบบโอโซน โดยให้แนวรับ 7.0 บาท และ แนวต้าน 8.2 บาท

บริษัทตั้งงบการตลาดช่วงฤดูร้อนปีนี้ราว 30 ล้านบาท ใช้จัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาออกแคมเปญลมร้อนแลกลมเย็น ซึ่งผู้บริโภคสามารถนำพัดลมเก่า ยี่ห้อหรือขนาดใดก็ได้มาแลกซื้อพัดลมไอเย็นมาสเตอร์คูล ณ จุดขาย รับส่วนลด 500 บาททุกรุ่นทุกเครื่อง รวมถึงแคมเปญเอาใจผู้บริโภค “มาสเตอร์คูล เย็นสบาย…สบาย 0%” ซึ่งผู้บริโภคสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตชั้นนำผ่อนจ่ายพัดลมไอเย็นมาสเตอร์คูล 0% สูงสุด 10 เดือน ก็น่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

บริษัทยังตั้งเป้าหมายเพิ่มช่องทางการขายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศไปในทุกช่องทาง ซึ่งปีนี้จะเพิ่มเป็น 520 จุดขาย จากเดิมมี 480 จุดขาย โดยเฉพาะช่องทางการขยายผ่านโมเดิร์นเทรด เนื่องจากมองว่าตลาดในประเทศยังมีโอกาสของการเติบโตอีกมากสำหรับสินค้ากลุ่มพัดลมไอเย็น จากการสำรวจตลาดปัจจุบันมีผู้ใช้พัดลมไอเย็นราว 17% และมีลูกค้าที่รู้จักแต่ยังไม่ซื้อสินค้าไปใช้งานอีกราว 60% ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักเลยมีสัดส่วนราว 20%

ขณะที่ตลาดต่างประเทศปีนี้บริษัทฯก็มีการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมาที่ 25% จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 24%

นายนพชัย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแข่งขันในตลาดช่วงฤดูร้อนนี้มีความรุนแรง เนื่องจากมีผู้เล่นมากขึ้นในตลาดพัดลมทำความเย็น บริษัทจึงต้องออกแคมเปญอย่างต่อเนื่อง และปรับกลยุทธ์การแข่งขันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพื่อผลักดันรายได้รวมปีนี้ให้เติบโตไปตามเป้าหมายที่ 40% และรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน 35.87% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนยู่ที่ 9.78%

บล.ไอร่า ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” KOOL ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท/หุ้น โดยมองว่าการหดตัวของยอดขายในประเทศของงวดไตรมาส 4/59 นั้นเป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น ที่มีการบริโภคของสินค้าบางเภทลดต่ำลง อีกทั้งไตรมาส 4 ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวซึ่งไม่ใช่ฤดูขายของพัดลมไอเย็น

ขณะที่ปัจจุบันกำลังเข้าใกล้ฤดูร้อนซึ่งพัดลมไอเย็นจะขายดีในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน โดยดีลเลอร์จะต้องมีการสต็อกสินค้าล่วงหน้าในช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ (ช่วงก่อนฤดูขาย) ทำให้ผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/60 จะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง และมีกำไรสูงสุดในช่วงไตรมาส 2/60 ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนทั้งไตรมาส และยังได้รับปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่คาดว่าอุณหภูมิทุกภูมิภาคจะสูงกว่าปกติเล็กน้อย (อ้างอิงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)

 

ส่วนกลุ่มหุ้นสินเชื่อเช่าซื้อ แอร์ โบรกฯแนะนำ”เก็งกำไร” SINGER และ TSR โดยบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER  ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าซิงเกอร์ นอกจากนี้ยังจำหน่ายสินค้าเชิงพาณิชย์ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และหลากหลายทั้งกลุ่มลูกค้าบ้าน และกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ ผ่านร้านค้าปลีกซึ่งเป็นสาขาของบริษัทเอง และผ่านทางตัวแทนจำหน่ายต่างๆ มากกว่าร้อยละ 80 ของยอดขายเป็นการขายแบบเช่าซื้อ โดยบริษัทให้เช่าซื้อผ่านทาง บริษัท ซิงเกอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่ง บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 99.99

บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119.81 ล้านบาท เป็นผลมาจากแนวโน้มการตั้งสำรองของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่ตั้งไป 123 ล้านบาท ขณะที่บริษัทตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้เหลืออยู่ที่ระดับ 7% จากปีก่อนอยู่ที่ 21%

การบริหารจัดการ NPL ของบริษัทให้ลดลงจะเป็นการนำระบบการจัดเก็บหนี้แบบใหม่ คือ ระบบ Direct Payment System (DPS) เพื่อการบริหารจัดการหนี้ของลูกค้า เพื่อสร้างวินัยทางการเงินให้กับลูกค้า เพื่อนำไปสู่การชำระหนี้ที่ตรงต่อเวลา โดยปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าที่เข้าสู่ระบบการจัดเก็บหนี้ดังกล่าวรวม 60,000-70,000 บัญชี จากฐานลูกค้าทั้งหมด 180,000 บัญชี ซึ่งระบบ DPS จะเป็นตัวช่วยให้ NPL ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ภาพรวมธุรกิจปีนี้มั่นใจรายได้จะเติบโตมากกว่า 30% และแนวโน้มผลงานจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังมีการผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มบริษัท เจมาร์ท และได้มีการปรับโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ เพื่อการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และทันสมัย หวังรุกการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายของบริษัท

ส่วนบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบบขายตรงเป็นหลัก บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตมาที่ราว 2 พันล้านบาท จากระดับ 1.86 พันล้านบาทในปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามแผนการเปิดสาขาใหม่ในประเทศอีก 5 สาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุนสาขาละ 1 ล้านบาท จากปัจจุบันมี 20 สาขาทั่วประเทศ  โดยแห่งแรกคาดจะเปิดให้บริการได้ที่จ.เพชรบูรณ์

นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมทุน 49% จัดตั้งบริษัท ทีเอสอาร์ ลาว จำกัด ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งคาดจะสามารถเปิดสาขาแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มี.ค.นี้

ส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ดำเนินการภายใต้ บริษัท เธียร์สุรัตน์ ลีสซิ่ง จำกัด เตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) และรับจำนำเล่มทะเบียนรถ ในเดือนเม.ย.นี้ โดยบริษัทตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปีนี้ราว 30-40 ล้านบาท หรือรายละ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าในมือมากกว่า 5 แสนรายที่จะสามารถทำตลาดได้ทันที

นอกจากนี้ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเพิ่มสินค้าใหม่ ทั้งตู้เย็น ทีวี เป็นต้น โดยล่าสุดได้มีการขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจจากฐานลูกค้า และมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บล.เออีซี ระบุว่า เพื่อสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่จะพลิกกลับมาโตโดดเด่นอีกครั้ง อีกทั้งมี Upside 39.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 6.60 บาท (อิง PER 22x ที่ Fully diluted EPS จากการใช้สิทธิ์ TSR-W1) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรทั้งปี 2560 ที่หุ้นละ 0.18 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.8% จึงคงแนะนำ “ซื้อ”

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button