JSP ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 5 พันลบ. – ทุ่ม 2 พันลบ. เปิด 3 โครงการใหม่

JSP ตั้งเป้ารายได้ครึ่งปีหลังที่ 3 พันลบ.- เล็งจัดแคมเปญใหญ่ระบายสต๊อกโครงการคอนโดฯที่เหลือขาย - จ่อเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.11 พันลบ. เชื่อภาพรวมตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว


นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจ.เอส.พี พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะทำรายได้ราว 2.1 พันล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกกว่า 2 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 3.9 พันล้านบาทในปัจจุบัน

อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมแผนการจัดแคมเปญใหญ่เพื่อระบายสต๊อกโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังเหลือขาย ภายใต้ชื่องาน JSP Outlet Grand Sale โดยจะนำโครงการคอนโดมิเนียมในมือกว่า 1 พันล้านบาท จำนวน 800 ยูนิต มาร่วมแคมเปญด้วยการมอบส่วนลดต่อยูนิตสูงสุด 15% พร้อมกับฟรีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการโอนที่คิดเป็นสัดส่วน 5.5% เพื่อเร่งระบายสินค้าและสร้างรายได้กลับเข้ามา

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.11 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ คือ โครงการ J VILLA วงแหวน-บางใหญ่ และ โครงการ J City ติวานนท์-บางกระดี ส่วนคอนโดมิเนียมจะเปิดใหม่อีก 1 โครงการ คือ โครงการ J Condo พระราม 2 เป็นไปตามแผนปีนี้ที่วางแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากการที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์มาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาภายใน 2-3 เดือนหลังจากลูกค้าทำการจอง ประกอบกับ การปรับแบรนด์ใหม่เป็น J Series ที่ทำให้มีคววามน่าสนใจและมีความทันสมัยของแบรนด์มากขึ้น

อีกทั้งแรงกดดันจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อลดลง หลังจากบริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งจัดโปรโมชั่นและให้สินเชื่อกับลูกค้า 100-103% และบริษัทยังมีการทำการประเมินความสามารถในการกู้ (Pre-approve) ของลูกค้าร่วมกับธนาคารพาณิชย์ที่ลูกค้าเลือก ส่งผลให้ความเสี่ยงไนแง่การปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าลดลง โดยปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการแนวราบลดลงมาอยู่ที่ 15% จากปีก่อนที่เกือบ 30% และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการคอนโดมิเนียมลดลงเป็น 30% จากปีก่อนที่ 40%

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีหลังมองว่าจะมีแนวโน้มที่เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวได้ แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้ความมั่นใจของประชาชนกลับมาดีขึ้น และการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังให้ขยายตัวได้มากขึ้น และการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดให้คึกคักมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนความคืบหน้าของการเปิดจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทมูลค่า 1.2 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี โดยมีกำหนดจองซื้อในวันที่ 15-16 มิ.ย. 60 และ 19-20 มิ.ย. 60 ล่าสุดมีผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทเข้ามาแล้วรวมมูลค่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสารถจำหน่ายหุ้นกู้ได้ครบตามจำนวนในช่วงกำหนดวันให้จองซื้อ

วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้เพื่อลงทุนขยายธุรกิจ ก่อสร้างและพัฒนาโครงการใหม่ อาทิ โครงการบางบัวทอง โครงการวงแหวนบางใหญ่ โครงการศรีราชา โครงการ เจ แกรนด์ สาทร และโครงการบางสะเหร่พร้อมใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มยอดขาย, ยอดโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้และอัตราการทำกำไรของบริษัทได้อย่างยั่งยืน

Back to top button