BTS มังกรสยายร่าง

เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีบุคลิกและฉายาสมกับคำว่า “เซียนมังกรคู่” อย่างมาก และจากนี้ไป มังกรตัวนี้จะขยายตัวไปถึงตัวคนกทม.มากขึ้นต่อเนื่องชนิดรู้สึกได้


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีบุคลิกและฉายาสมกับคำว่า “เซียนมังกรคู่” อย่างมาก และจากนี้ไป มังกรตัวนี้จะขยายตัวไปถึงตัวคนกทม.มากขึ้นต่อเนื่องชนิดรู้สึกได้

โดยเฉพาะหลังการลงนามเซ็นสัญญาลงทุนแบบเทิร์นคีย์ในรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัทในเครือกลุ่มบีทีเอสที่มีรายละเอียดดังนี้

-โครงการทั้ง 2 รายการ กระทำในนามของกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR Joint Venture ที่เป็นพันธมิตรธุรกิจ 3 ฝ่าย (ระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC)

-บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด  รับผิดชอบในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. มี 30 สถานี มูลค่าเงินลงทุน 46,643 ล้านบาท

-บริษัท อิสเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด รับผิดชอบในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 45,797 ล้านบาท มี 23 สถานี มูลค่าลงทุน 45,979 ล้านบาท

-ทั้ง 2 โครงการ เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคล่อมราง (Straddle Monorail) เป็นโครงสร้างยกระดับตลอดสาย มีทางเดินสำหรับการอพยพกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน (Emergency Walkway) ตลอดทาง  แนวเส้นทางเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (Feeder Line) ที่จะกระจายความหนาแน่นของกิจกรรมเมือง และเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งมวลชนหลัก (Main Line)

เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว….งานเดียวกันก็เลยมีการพ่วงต่อการเซ็นสัญญาที่เกี่ยวเนื่องกับทั้ง 2 โครงการอีก 3 สัญญาดังนี้ คือ

-BSR ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายทางกับ STEC

-BSR ลงนามกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้จัดหาการสนับสนุนทางการเงิน โดยมีภารกิจจัดหาพันธมิตรเพื่อเป็นแหล่งเงินกู้ให้กับ 2 สายทาง โดยจะใช้เงินกู้สายทางละประมาณ 35,000 ล้านบาท รวมทั้งหมด 70,000 ล้านบาท จะเริ่มใช้เงินประมาณปลายปีนี้ แต่ถ้าหากไม่มีพันธมิตรร่วม ทางด้าน BBL ก็พร้อมที่จะให้กู้เอง

-BSR ลงนามกับบริษัท บอมบาร์ดิเอร์ ทรานสปอร์เทชั่น ซิกแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้ร่วมทุนกับ CRRC ประเทศจีน เพื่อรับงานผลิตระบบและรถไฟฟ้า จำนวน 288 ตู้ วงเงิน 4-5 หมื่นล้านบาท ในอัตรา 50:50 โดยมีฐานการผลิตที่เมืองนานกิง ประเทศจีน และจะเริ่มทยอยรับมอบรถในอีก 2-3 ปีจากนี้ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ที่ 40,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง

เสร็จจากงานนี้ บรรดาผู้ร่วมเป็นสักขีพยานอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี (ด้านเศรษฐกิจ)

เจ้าสัวคีรี ในฐานะประธานกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR และนายชาติศิริ โสภณพนิช  กรรมการผู้จัดการใหญ่ BBL ก็ออกมาพูดจาภาษาดอกไม้….ตามระเบียบ

งานนี้ เจ้าสัวคีรี ซึ่งกลายเป็นพระเอกของงานโดยปริยาย และได้รับฉายาเพิ่มว่า นักรบทางเศรษฐกิจ จากนายสมคิด  นอกจากจะให้คำรับรองว่า คนกทม.จะได้ใช้รถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ในอีก 3 ปีแน่นอน ยังออกมาเสริมต่อที่คนอยากรู้ว่า การลงทุนในส่วนต่อขยายทั้ง 2 สายทาง คือ ต่อขยายสายสีชมพูจากสถานีศรีรัชเข้าสู่เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. และต่อขยายสายสีเหลืองจากสถานีรัชดาฯไปเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) บริเวณสี่แยกรัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กม. วงเงินรวม 2 ช่วง 6,000 ล้านบาท ดำเนินการต่อไป ไม่มีเลิกรา แต่จะเสนอ รฟม.ตามขั้นตอน ซึ่งจะพยายามให้ได้รับการอนุมัติและทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมกับสายทางหลัก ที่มีกำหนดการก่อสร้าง 3 ปี นับจากวันเซ็นสัญญา กำหนดเปิดให้บริการปี 2563

เมื่อสำเร็จในขั้นตอนแรกไปแล้ว อนาคตของ BTS ยิ่งชัดเจนว่า จะได้เดินรถไฟฟ้าเพิ่มเป็นประมาณ 141 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารในระบบของ BTS เพิ่มมาเป็นข้ามระดับ 2 ล้านเที่ยวคน/วันในอนาคต จากปัจจุบันที่เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลัก มีระยะทางแค่ 23.5 กม.

ส่วนโครงการในระยะยาวอื่น เช่น โครงการที่ BTS อยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนและเดินรถระบบรถไฟฟ้าในเมืองจีนที่คาดว่าจะให้สัมปทานเดินรถประมาณ 25-30 ปี ครอบคลุมใน 40 จังหวัด ซึ่งเดิมระบุว่า ภายในปีนี้จะได้ความชัดเจนของการเจรจา คาดว่าใช้งบลงทุนระดับหมื่นล้านบาท ก็ยังเดินหน้าไปตามโปรแกรมเดิม ….ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เซ็นสัญญาแล้ว เงินพร้อม  เจ้าหนี้พร้อม ก่อสร้างพร้อม ประสบการณ์พร้อม…อะไรก็พร้อม อุปสรรคก็หมดไป

นอกจากนั้น การที่ BTS มีกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง BTSGIF รองรับความเสี่ยงและสภาพคล่องอยู่แล้วนั่นเอง ทำโครงการมาเท่าใด ก็ขายทรัพย์สินเข้ากองทุนตามต้องการ แถมยังมีรายได้เสริมจากที่ดินจำนวนมหาศาลให้หากำไรได้ต่อเนื่อง จากการที่ BTS ร่วมลงทุนกับพันธมิตรอย่างเช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI รออยู่…ก็เท่ากับอนาคตอยู่ในกำมือเจ้าสัวคีรีเต็มที่

อย่างน้อยก็สามารถกินยาวไปเลย 25-30 ปีกันเลยทีเดียว ไม่มีอะไรต้องซ่อนเร้นความสำเร็จอีกแล้ว

อิ อิ อิ

Back to top button