คุณค่าบริษัท : GFPT ยังสดใส

แม้มีกระแสข่าวว่าเกิดอหิวาต์ไก่ที่อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งต้นเชื้อมาจากฟาร์มครัวเรือนมากและได้ระบาดไปในพื้นที่ใกล้เคียง ทางการได้ทำการตรวจสอบเชื้อในไก่และคนเลี้ยงแล้ว อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด


อย่างไรก็ดียังไม่มีผลต่อ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เพราะบริษัทเลี้ยงไก่ในฟาร์มปิดของตัวเองทั้งหมด โดยฟาร์มบริษัทอยู่ที่จังหวัดชลบุรีและกรณีที่แย่ที่สุด หากเกิดการระบาดของอหิวาต์และถูกผู้นำเข้าต่างประเทศแบนไม่นำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทย ก็จะกระทบบริษัทโดยตรงไม่มาก

เนื่องด้วยปัจจุบัน GFPT มีรายได้จากส่งออกไก่สดแช่แข็งประมาณ 5% ของรายได้รวม แต่จะมีผลกระทบทางอ้อมจากราคาไก่ในประเทศลดลงอีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ดีผู้บริหารประเมินว่าโอกาสที่จะเกิดกรณีที่แย่ที่สุดน้อยมาก เพราะทางการได้เข้าไปดูแลและควบคุมสถานการณ์แล้ว

ที่สำคัญแนวโน้มธุรกิจไก่ส่งออกโดยรวมปี 2560 ยังคงไปได้ดี ราคาไก่ในประเทศปรับตัวขึ้นเป็น 40 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือนเมษายนและอยู่ที่ 38-39 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 38 บาทต่อกิโลกรัม ในไตรมาส 1 ปี 60 และเพิ่มจากเฉลี่ย 36.4 บาทต่อกิโลกรัม

ขณะที่ในปี 59 ราคาส่งออกไปญี่ปุ่นแข็งแกร่งเพราะอุปสงค์สูงมากหลังจากที่ผู้นำเข้าชะลอการนำเข้าจากบราซิลหลังพบสารปนเปื้อนในเนื้อสัตว์ส่งออกช่วงต้นปี 60 จึงหันมานำเข้าจากไทยแทน โดยส่วนหนึ่งเป็นคำสั่งซื้อที่ต่อเนื่องในระยะยาว ส่งผลให้ปริมาณส่งออกไก่ของ GFPT ปีนี้จะเติบโตได้ 10% (จากเดิมที่คาดว่าจะโต 5-6%) ด้านต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังไม่กดดัน มาร์จิ้นอาหารสัตว์อยู่ในเกณฑ์ดี

ส่งผลให้นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินว่าผลประกอบไตรมาส 2 ปี 60 จะแข็งแกร่ง ประมาณ 434 ล้านบาท เติบโต 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อน และประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 16% จาก 15.3% ในไตรมาส 1 ปี 60 ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (GFN, McKey) จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นของ GFN หลังราคาไก่ในประเทศขยับขึ้นและส่งออกไปญี่ปุ่นได้ดี

ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ปี 60 คาดว่าจะดีขึ้นไปอีกเพราะเป็น High Season ของการส่งออก โดยรวมทั้งปี 60 คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 15.4% เป็น 1.89 พันล้านบาท (EPS : 1.50 บาท) และทรงตัวสูงที่ 1.9 พันล้านบาทในปี 61

ทำให้มีการปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (เดิมถือ) เพราะราคาหุ้นปรับลงแรงจนมี Upside ที่สูง โดยราคาปัจจุบันเทียบกับราคาพื้นฐานให้ไว้ 23 บาท โดยอิงค่า P/E ปี 60 อยู่ที่ 15 เท่า ทำให้มี Upside 19%

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 79,447,169 หุ้น 6.34%
  2. นายพิษณุ ศิริมงคลเกษม 68,000,000 หุ้น 5.42%
  3. นางชลลดา ศิริมงคลเกษม 64,000,000 หุ้น 5.10%
  4. นายวงศกร ศิริมงคลเกษม 60,000,000 หุ้น 4.79%
  5. นายสุจิน ศิริมงคลเกษม 59,701,080 หุ้น 4.76%

 

รายชื่อกรรมการ

  1. นายประสิทธิ์ ศิริมงคลเกษม ประธานกรรมการ
  2. นายอนันต์ ศิริมงคลเกษม ประธานคณะกรรมการบริหาร
  3. นายอนันต์ ศิริมงคลเกษม กรรมการ
  4. นายวิรัช ศิริมงคลเกษม รองประธานกรรมการ
  5. นายวิรัช ศิริมงคลเกษม กรรมการผู้จัดการ

Back to top button