พาราสาวะถี

มีข้อทักท้วงไปก็เท่านั้น เกิดเป็นคนไทยในยุคมาตรา 44 ครองเมือง ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงให้ได้ ดังนั้น เรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา อนุมัติการขายขีปนาวุธฮาร์พูน บล็อค ทูว์ รุ่น RGM-84L มูลค่า 828 ล้านบาทให้กับกองทัพเรือของไทยแลนด์ จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย และไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆ ก็ขนาดเรือดำน้ำมูลค่ามหาศาลยังไม่ยี่หระแล้วแค่ขีปนาวุธราคาจิ๊บจิ๊บเท่านี้จะต้องไปใยดีอะไร


อรชุน

มีข้อทักท้วงไปก็เท่านั้น เกิดเป็นคนไทยในยุคมาตรา 44 ครองเมือง ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงให้ได้ ดังนั้น เรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา อนุมัติการขายขีปนาวุธฮาร์พูน บล็อค ทูว์ รุ่น RGM-84L มูลค่า 828 ล้านบาทให้กับกองทัพเรือของไทยแลนด์ จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย และไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆ ก็ขนาดเรือดำน้ำมูลค่ามหาศาลยังไม่ยี่หระแล้วแค่ขีปนาวุธราคาจิ๊บจิ๊บเท่านี้จะต้องไปใยดีอะไร

แน่นอนต้องเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือในการชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน ซึ่งความจริงก็ไม่ได้มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยหรือรู้สึกว่ายังไม่น่าจะจัดซื้อกันในช่วงนี้ ก็จะมีเหตุผลสารพัดมาอธิบาย ดังนั้น จึงต้องใช้คำของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่บอกว่าสบายใจเมื่อไหร่ค่อยปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม เรื่องซื้ออาวุธก็เช่นกัน เอาที่ท่าน(ผู้มีอำนาจ)ทั้งหลายสบายใจก็แล้วกัน

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์จะรู้กันแล้วว่าชะตากรรมของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นอย่างไร ข้างในไม่รู้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงจะร้อนรุ่มหรือวุ่นวายเพียงใด แต่ภาพภายนอกที่เห็นคือเจ้าตัวเดินสายทำบุญเพียงอย่างเดียว เป็นความสงบที่น่าจะส่งสัญญาณว่างานนี้ไม่มีหนีและพร้อมจะเดินหน้าไปรับฟังคำพิพากษาด้วยตนเองในวันที่ 25 สิงหาคมนี้

กลายเป็นฝ่ายที่มีอำนาจอยู่ในมือเสียอีกที่ตื่นตูม ตื่นเต้น คงเกรงกันว่าจะมีคนแห่แหนมาให้กำลังใจอดีตนายกฯกันเนืองแน่น จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่มีความหมาย จึงใช้กลยุทธ์สารพัดในการสกัดกั้นไม่ให้มีการเดินทางเข้ากรุงในวันตัดสินคดี ที่เห็นๆกรณีเรียกรถตู้ซึ่งรับจ้างพาคนมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ถูกปรับกันคันละ 5 หมื่น เท่านี้ก็ทำเอาหลายรายถอดใจต้องคืนเงินประกันที่จะพาคนมาในวันที่ 25 นี้จำนวนไม่น้อย

แต่เพียงเท่านั้นคงเอาไม่อยู่ เพราะช่องทางในการเดินทางมานั้นมันมีหลากหลายสำหรับคนที่มีหัวใจเดียวกัน แม้กระทั่งการส่งเจ้าหน้าที่ไปกดดันกันถึงหน้าบ้าน คำถามที่ตามมาคือต้องใช้กำลังพลเท่าไหร่จึงจะเพียงพอในการที่จะห้ามไม่ให้คนเดินทางมาให้กำลังใจอดีตนายกฯเจ้าของโครงการรับจำนำข้าว ทางที่ดีคือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติน่าจะเหมาะสมที่สุด

แม้กระทั่ง พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกก็ยังมองอย่างเข้าใจ คนมามากแต่เรียบร้อยยังดีกว่ามาน้อยแล้ววุ่นวาย แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของผู้มีอำนาจเพราะอยากจะไม่ให้มีคนมาเสียเลยน่าจะดีกว่า ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว คนที่มาไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปล่วงละเมิดอำนาจของศาลยุติธรรมได้

ถึงยิ่งลักษณ์จะถูกตัดสินให้ผิด เชื่อว่าคนเหล่านั้นก็จะแค่ส่งดอกไม้และตะโกนให้กำลังใจแค่เท่านั้น ไม่เหมือนพวกที่มาน้อยแต่วุ่นวายตามที่ผบ.ทบ.ว่า วลีที่ตะโกน”ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน”หลังการยกฟ้อง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พร้อมพวก ต้องย้อนกลับไปตั้งคำถามหน่วยงานด้ายความมั่นคง แปลความหมายของคนที่พูดเช่นนี้ว่าอย่างไร ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม เป็นสำคัญอย่างนั้นใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม สารพัดวิธีที่นำมาใช้เพื่อสกัดมวลชนคนรักยิ่งลักษณ์ คงไม่มีอะไรน่าตกอกตกใจหรือใครจะหัวร่อก็ไม่ทราบ กับการที่สตง.ออกมาปูดข้อมูลว่ามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งเตรียมที่จะใช้งบประมาณแผ่นดินขนคนมาให้กำลังใจอดีตนายกฯหญิง ถ้าจริงอย่างนั้นคงต้องให้ พิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ช่วยแสดงหลักฐานและลากคอผู้บริหารหรือสมาชิกองค์กรปกครองท้องถิ่นเหล่านั้นมาลงโทษเสียให้อับอายคนทั้งประเทศ

เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการใช้เงินของแผ่นดินมาเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง มิหนำซ้ำ ยังเป็นพวกที่บ้าและโง่สิ้นดี ที่กล้าจะท้าทายอำนาจอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเวลานี้ ดังนั้น เรื่องนี้ผู้ว่าฯสตง.จะต้องไม่ปล่อยให้ผ่านไป หรือเพียงแค่ให้ข่าวเพื่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมเท่านั้น หลักฐานมีอย่างไรต้องแสดงให้คนทั้งประเทศได้เห็นกันจะจะ

แต่ก็เกรงว่าจะเป็นอย่างที่ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ตั้งข้อสังเกต ยังไม่เห็นเอกสารหลักฐาน แต่เชื่อว่าไม่มีการใช้งบประมาณของอปท. เพื่อนำประชาชนมาให้กำลังใจอดีตนายกฯอย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และเชื่อว่าทุกคนจะไม่ทำ ส่วนที่มีประชาชนมาให้กำลังใจอดีตนายกฯนั้น ก็เชื่อว่าเกิดจากความรักและความผูกพันสมัยที่ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งมากกว่า

ประเด็นเรื่องกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.กรณีให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตจับเบอร์รายเขต ที่ยืนยันล่าสุดโดย อุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ.ว่า เป็นการป้องกันการซื้อเสียง โดยหากพรรคการเมืองใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศจะเป็นการง่ายต่อการซื้อเสียง พร้อมกับบอกด้วยว่า สำหรับเรื่องการคิดวิธีการจัดการให้เป็นหน้าที่ ของกกต.ชุดใหม่

ทันทีที่ได้ยินคำอธิบายแบบนี้ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ชายเดี่ยวก็ออกมาทักท้วงทันควัน หากกรธ.มีความคิดเพียงว่า พรรคการเมืองจะซื้อเสียงแบบโจ๋งครึ่มทั้งประเทศ คงต้องย้อนยุคกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน เพราะเดี๋ยวนี้การซื้อเสียงจะกระทำผ่านกลไกหัวคะแนนในระดับหมู่บ้าน ซึ่งจะมีเบอร์เหมือนกันหรือไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นอุปสรรค

ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องปัญหาการจัดการ สมชัยก็บอกว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะจะเกิดความยุ่งยากในการรับสมัคร การพิมพ์บัตร ความสับสนในการลงคะแนนของประชาชน การนับคะแนนและการรวมคะแนนทุกพรรคในระดับประเทศ แต่แม้จะรู้ว่ามีอุปสรรค แต่สมชัยก็ยังออกตัวว่าถ้าคนร่างกฎหมายคิดว่าดีจริง ตนและกกต.ชุดนี้ต้องพยายามหาวิธีการออกแบบที่วุ่นวายน้อยที่สุด

พร้อมด้วยการตบหน้าอุดมแบบเบาๆ การเตรียมความพร้อมเลือกตั้งครั้งหน้ากกต.ชุดนี้ยังถือเป็นหน้าที่ ไม่คิดผลักภาระให้กกต.ชุดใหม่ไปเป็นฝ่ายคิด เพราะถือว่ายังมีบทบาทรับผิดชอบอยู่ในขณะนี้ ส่วนปัญหาที่เกรงกันสมชัยก็ออกปากเชิญ มีชัย ฤชุพันธุ์ ให้ไปชมการทดลองใช้ระบบเลือกตั้งที่จะมีการพิมพ์บัตรถึง 350 ให้มาสาธิตในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ไม่รู้ว่าประธานกรธ.จะรับคำท้า อุ๊บ!คำเชิญนี้หรือไม่ แต่เป็นอันรู้กัน ทุกอย่างเมื่อตั้งธงไว้แล้ว แป๊ะจะเอาแบบนี้ไม่มีวันใส่เกียร์ถอยแม้จะถอยหลังลงคลองหรือตกเหวก็ตาม

Back to top button