บลจ.กรุงศรี ออกกอง KF-INDIA ขาย14-20ก.ย.

บลจ.กรุงศรี ออกกองทุน KF-INDIA ลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เสนอขาย 14-20 ก.ย.นี้


นางสาวศิริพร  สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บลจ.กรุงศรี เล็งเห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) เสนอขายครั้งแรกวันที่ 14-20 ก.ย.นี้

โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนหลัก First State Indian Subcontinent Fund  ซึ่งได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว ณ 31 ก.ค. 60 บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นอินเดียชั้นนำในอุตสาหกรรมที่เชี่ยวชาญการคัดเลือกหลักทรัพย์คุณภาพสูงที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดในระยะยาว

สำหรับกองทุนหลักมีสไตล์การลงทุนที่เน้นความยั่งยืน ไม่หวือหวา ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนในระยะยาว การรักษาเงินต้น และการสร้างการเติบโตของเงินลงทุน ตัวอย่างธุรกิจที่ผู้จัดการกองทุนให้ความสนใจลงทุน เช่น บริษัทที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารภาคเอกชนและบริษัทเงินทุนชั้นนำในอินเดีย เป็นต้น

กองทุนหลักมีผลตอบแทนที่แข็งแกร่งเหนือดัชนีชี้วัด โดยสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 17.3%  เทียบกับดัชนีชี้วัด 4.3% ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีคือ 21.6% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 9% และผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีคือ 14.1% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 3.1%”นางสาวศิริพร กล่าว

ทั้งนี้บลจ.กรุงศรี มีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงติดอันดับโลก เฉลี่ยประมาณ 7.5% ต่อปี ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศ G20

โดยมีปัจจัยสนับสนุนในหลายด้าน ทั้งในส่วนของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย  การขาดดุลการค้าและงบประมาณของอินเดียมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งระดับเงินเฟ้อได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำ ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยที่มีเสถียรภาพ การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้การเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายโมดิ ทำให้การเมืองที่เคยอ่อนแอของอินเดียกลับมามีเสถียรภาพสูง  รวมทั้งนโยบายการปฎิรูปที่โดดเด่นของนายกรัฐมนตรีโมดิที่ประกาศใช้มาตรการต่างๆ  ซึ่งก่อให้เกิดการพลิกโฉมทางเศรษฐกิจของอินเดีย

ทั้งนี้ส่งผลให้ระดับความสามารถทางการแข่งขันของอินเดียปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างมาตรการที่โดดเด่น อาทิ  การเปลี่ยนแปลงระบบจัดเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST) ให้เป็นระบบเดียวกันทั่วประเทศเพื่อลดความซับซ้อน  การพัฒนาระบบฐานข้อมูลชีวภาพของประชากรในประเทศที่กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคการเงินในประเทศ  เป็นต้น

โดยปัจจัยด้านประชากรของอินเดียก็มีความได้เปรียบจากการที่มีจำนวนประชากรสูง โดยอายุเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ 27 ปี แสดงให้เห็นถึงจำนวนประชากรในวัยทำงานที่มีจำนวนมาก ถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ระบบเศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่าประชากรของอินเดียจะเติบโตแซงหน้าจีนภายในปี 2025

อีกทั้ง การพัฒนาเข้าสู่สังคมเมืองของชนชั้นกลางในอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และโครงสร้างฐานรายได้ของประชากรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเติบโตของกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มดีกว่าประเทศในภูมิภาค  และมีแนวโน้มที่อินเดียจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจภายในปี 2050 และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่ายุโรปและสหรัฐอีกด้วย

สำหรับกองทุน KF-INDIA  มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ First State Indian Subcontinent Fund (Class III USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6  เสี่ยงสูง และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน

Back to top button