SITHAI รายได้ปีนี้หมื่นล้านรุกตลาดใน-นอกประเทศ

SITHAI บุกขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ หนุนรายได้ปี 58 โต 1.1 หมื่นล้าน ล่าสุดเปิดเอาท์เลท ชลบุรี หวังสร้างรายได้เพิ่ม เชื่อคุ้มทุนปี 59


บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก เพื่องานอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำจากเมลามีน สายธุรกิจซื้อมาขายไปและสายงานแม่พิมพ์

 

“สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ SITHAI กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ต่อปี ของกำไรสุทธิประจำปีตามงบการเงินเฉพาะบริษัท ซึ่งการจ่ายปันผลในช่วงระยะเวลา 3 ปี ย้อนหลัง (ปี 2554-2556) บริษัทมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 บริษัทจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ระดับ 0.75 บาทต่อหุ้น, ปี 2555 บริษัทจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ระดับ 1.10 บาทต่อหุ้น และในปี 2556 บริษัทจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ระดับ 1 บาทต่อหุ้น ขณะที่ล่าสุดงวดปี 2557 คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.10 บาท โดยผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 9,750.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 407.06 ล้านบาท

สำหรับในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ประมาณ 11,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 12% จากปี 2557 โดยการขยายช่องทางการจำหน่าย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งสัดส่วนรายได้ในปี 2558 จะมาจากการจำหน่ายภายในประเทศ 72% และจากการส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ 28% จากเดิมที่มี 25% อีกทั้ง บริษัทยังมีนโยบายรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ในปี 2558 ไว้อยู่ที่ 19% ขณะที่ในปี 2557 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับกว่า 19%

 

โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดศูนย์การค้าค้าปลีกที่ขายสินค้าตัวอย่าง (เอาท์เลท) ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 65 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 7 ล้านบาทต่อเดือน และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มได้ในปี 2559 อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จะมาจากสินค้า 3 รายการ  ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เมลามีนประมาณ 25%, ผลิตภัณฑ์พลาสติกประมาณ 75% และธุรกิจซื้อมาขายไป (เทรดดิ้ง) ประมาณ 5%

ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีการส่ง ผลิตภัณฑ์เมลามีนไปจำหน่ายกว่า 110 ประเทศ และยังมีการส่งผลิตภัณฑ์พลาสติกไปจำหน่ายในประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เช่น ประเทศลาว พม่า และมาเลเซีย เป็นต้น อีกทั้งบริษัทมีแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (CLMV Economic Presence Index) เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวตลาดมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเปิดAEC รวมถึงบริษัทยังขยายการส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายยังประเทศจีน

“ในช่วงปลายปี 2557 บริษัทมีการส่งผลิตภัณฑ์ออกไปจำหน่ายยังประเทศจีน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เราเตรียมตัวเดินทางไปออกออกบูธในประเทศจีน เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น  เดิมทีในประเทศจีนเรามีหุ้นโรงงานที่ผลิตสินค้า แต่เราเพิ่งขายไป” นายสนั่น กล่าว

 

สนั่นเปิดเผยต่อว่า สำหรับความคืบหน้าของโรงงานฉีดขวดพลาสติกในประเทศอินเดีย คาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนมี.ค.นี้ และจะเริ่มผลิตและส่งสินค้าได้ในช่วงเดือนเม.ย.2558 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 2 เดือน โดยจะมีเครื่องจักรจำนวน 30 เครื่อง บริษัทคาดว่าจะสร้างยอดขายประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน

โดยในปี 2558 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากโรงงานฉีดขวดพลาสติกในประเทศอินเดียประมาณ 57 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ารายได้จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/58 ประมาณ 15 ล้านบาท, ไตรมาส 3/58 ประมาณ 21 ล้านบาท และในไตรมาส 4/58 ประมาณ 21 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าขยายเครื่องจักรในโรงงานดังกล่าวเพิ่มเป็น 100 เครื่อง ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2560) ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าตลาดในประเทศอินเดียเป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อผลิตภัณฑ์ของ SITHAI ประมาณ 2 ล้านคน

ส่วนงบการลงทุนในปี 2558 บริษัทตั้งงบไว้ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในการขยายกำลังผลิตธุรกิจเมลามีนภายในประเทศประมาณ 500 ล้านบาท และใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนขยายโรงงานผลิตเมลามีนและผลิตพลาสติก ซึ่งจะช่วยผลักดันกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 30%

 

ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานในประเทศเวียดนามจำนวน 2 แห่ง เป็นโรงงานผลิตฝาปิดขวด และโรงงานผลิตเมลามีน ทั้งนี้  แหล่งเงินทุนจะมาจากกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ประมาณ 1.2 เท่า อย่างไรก็ตามบริษัทมีนโยบายรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 2 เท่า

อีกทั้งบริษัทยังมีการเจรจาเข้าซื้อธุรกิจ เป็นธุรกิจในกลุ่มผลิตเครื่องดื่ม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีขนาดประมาณ 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ความสนใจในการลงทุนดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตฝาปิดขวด จึงต้องการต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ อีกทั้ง กลุ่มลูกค้าของโรงงานผลิตฝาปิดขวด ยังมีความต้องการจ้างผลิตเครื่องดื่ม

นอกจากนี้ ในส่วนของแผนการนำบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เวียดนาม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ซึ่งจะนำเงินระดมทุนไปใช้ในการสร้างโรงงานผลิตเมลามีนแห่งใหม่

Back to top button