HTECH บวกกว่า 5% นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาด โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 14.40 บ.

HTECH บวกกว่า 5% นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาด โบรกฯแนะ "ซื้อ" ชูเป้า 14.40 บ. ปิดตลาดภาคเช้า ราคาอยู่ที่ 11.80 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 5.36% สูงสุดที่ 12.10 บาท ต่ำสุดที่ 11.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 162.66 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ปิดตลาดภาคเช้า ราคาอยู่ที่ 11.80 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 5.36% สูงสุดที่ 12.10 บาท ต่ำสุดที่ 11.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 162.66 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมบวก 0.15%

โดยราคาหุ้น HTECH ปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.52

ด้าน บล.เคทีบี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท/หุ้น แต่ปรับราคาเหมาะสมเป็นของปี 2561 (อิง PE กลุ่ม ETRON + 2SD ที่ 19.44 เท่า เนื่องจากมองว่า HTECH มีศักยภาพในการเติบโตดี) เดิมราคาเหมาะสมอยู่ที่ 10.30 บาท โดย CAGR ของกำไรสุทธิปี 2560-62E อยู่ที่ 22.1% คิดเป็น PEG ที่ 0.91 เท่า

โดยปรับกำไรสุทธิปี 2560 ขึ้น 5.4% เป็น 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.1% จากปีก่อน และกำไรสุทธิปี 2562 เพิ่ม 16.1% เป็น 223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% จากปีก่อน จากจำนวนเครื่องจักรที่จะเพิ่มเข้ามาในโรงงานใหม่ในไตรมาส 4/60  ทำให้ full capacity มากกว่าที่เราเคยคาดไว้เดิมเกือบ 20% อย่างไรก็ตามเรามองกำไรสุทธิใน  จะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 2/60 หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากในไตรมาส 3/60 มีผลกระทบจากการย้ายเครื่องจักรบางส่วนมายังโรงงานใหม่

ขณะที่คาดว่าโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางชันจะสามารถเริ่มการผลิตได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยโรงงานดังกล่าวเป็นตึก 3 ชั้น ในขั้นแรกจะใช้เพียง 2 ชั้นก่อน  คาด full capacity จะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกเกือบ 50% ซึ่งยอดขายในไตรมาส 2/60 ได้รวมการ test run เครื่องจักรใหม่ไปบ้างแล้ว

พร้อมกันนี้ได้ประมาณการยอดขายใหม่เป็น 1,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% ของประมาณการเดิม เนื่องจากจำนวนเครื่องจักรที่จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเริ่มแรกเราให้ utilization rate ของเครื่องจักรเป็น 25% คาดจะมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 168 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 5.4% ของประมาณการเดิม ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตได้ที่ 42.1% จากีก่อน

อย่างไรก็ตามมองกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 2/60 ที่ประมาณ 42 ล้านบาท หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากโดยปกติของธุรกิจช่วงไตรมาส 2-3 จะเป็นช่วง High season ประกอบกับใน มีการย้ายเครื่องจักรไปโรงงานใหม่บางส่วนซึ่งอาจกระทบการดำเนินงานหลักบ้างและมีการนำเครื่องจักรใหม่มา test run ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 ทำให้ยอดขายในไตรมาส 2/60 บางส่วนมาจากเครื่องจักรใหม่

อีกทั้งยอดส่งออก Hard Disk Drives (HDD) ของไทยสำหรับเดือน ก.ค. – ส.ค. รวมอยู่ที่ 1,153 ล้านเหรีญสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 68.2% ของไตรมาส 2/60 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเราคาดว่าบริษัทจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในโรงงานใหม่ภายในไตรมาส 4/60 ซึ่งจะทำให้ ไตรมาส 4/60 กำไรกลับมาเติบโต

นอกจากนี้  ปรับกำไรสุทธิปี 2560 ขึ้นเป็น 223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน ปรับเพิ่มขึ้น 16.1% จากของเดิม เนื่องจากจำนวนเครื่องจักรที่จะเพิ่มเข้ามาในไตรมาส 4/60 มากกว่าที่เคยคาดไว้เดิม โดยมองว่าบริษัทจะค่อยๆ ramp up capacity ได้ถึง 80% ภายในไตรมาส 3/61

ทั้งนี้มองว่าบริษัทจะสามารถเดินเครื่องจักรได้เลยเนื่องจากมีลูกค้ารองรับอยู่แล้ว ส่วนโรงงานใหม่ที่เวียดนามคาดจะเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 4/60 ซึ่งเป็นการย้ายไลน์การผลิตจากไทยไปทดลองเดินเครื่องที่นั่น

Back to top button