5 หุ้นทีวีดิจิตอลถึงคราวฟื้น! กสทช.พร้อมหั่นค่าธรรมเนียมเหลือต่ำสุดแค่ 0.125%

5 หุ้นทีวีดิจิตอลถึงคราวฟื้น! กสทช.พร้อมหั่นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเหลือต่ำสุดแค่ 0.125% สำหรับผู้ประกอบการที่จะได้รับประโยชน์มีดังนี้ BEC ,GRAMMY ,MCOT ,WORK และRS


สืบเนื่องจากกรณีที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 18 ต.ค.60 มีมติเห็นชอบแนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล โดยมีการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ คือ รายได้จากการประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ ประเด็นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล

ทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่คาดว่าจะได้รับผลดีมากที่สุด ประกอบด้วย BEC ,GRAMMY ,MCOT ,WORK  และRS

สำหรับแนวทางการปรับลดมีดังนี้ รายได้จากการประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ ตั้งแต่ 0-100 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.125 รายได้จากการประกอบกิจการฯ เกิน 100-500 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.25 รายได้จากการประกอบกิจการฯ เกิน 500-1,000 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.5

ขณะที่รายได้จากการประกอบกิจการฯ เกิน 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.75 รายได้จากการประกอบกิจการฯ เกิน 5,000 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.5 จากเดิม อัตราที่เรียกเก็บ รายได้ 0-5 ล้านบาทแรก อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.50 รายได้ส่วนที่เกินกว่า 5-50 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.75

สำหรับรายได้ส่วนที่เกินกว่า 50-500 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.00 รายได้ส่วนที่เกินกว่า 500-1,000 ล้านบาท อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.75 และรายได้ส่วนที่เกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 2.00

พร้อมทั้งเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ฯ (ฉบับที่ 3) และให้นำร่างประกาศดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อไป

 

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.60) ว่าภายหลังจากที่ประชุม กสทช. มีมติเห็นชอบแนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล

โดยการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ส่งผลบวกโดยตรงต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลซึ่งทำให้ช่วยประหยัดต้นทุน โดยค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล

ประกอบด้วย ต้นทุนการผลิตรายการ ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และเงินส่งกองทุนวิจัยและพัฒนา สำหรับหุ้นใน Coverage ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงบวกมากที่สุดคือ BEC เนื่องจากมีรายได้จากทีวีดิจิทัลสูงที่สุดในกลุ่มราว 1.1 หมื่นล้านบาท เมื่อคิดอัตราค่าธรรมเนียมแบบใหม่จึงช่วยประหยัดต้นทุน ทำให้กำไรสุทธิและเพิ่มมูลค่ามากที่สุด รองลงมาคือ WORK และ RS ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการเดิมไว้ก่อน เนื่องจากข่าวดังกล่าวเป็นเพียงมติเห็นชอบในร่างเท่านั้น ซึ่งมติเห็นชอบจริงยังคงต้องติดตามประกาศจาก กสทช. อีกครั้ง

สำหรับภาพอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล แม้จะได้รับประโยชน์จากการลดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ แต่ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่สูงในเม็ดเงินโฆษณาที่จำกัด รายได้โฆษณาถูกแบ่งไปให้สื่อออนไลน์ที่กำลังมาแรง ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหม่ล้วนมีผลประกอบการขาดทุน โดยผู้ที่รายได้อยู่ในระดับเกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี กระจุกตัวเฉพาะในกลุ่มผู้นำเรตติ้ง 6 อันดับแรก จาก 22 ช่อง ส่วนในปี 2561 คาดจะมีความชัดเจนเรื่องมาตราการคืนใบอนุญาตฯ ทำให้เหลือผู้ประกอบการประมาณ 15 ราย  รวมไปถึงเม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลมาจากการยุติให้บริการของช่องอนาล๊อก จะทำให้ภาพรวมของกลุ่มทีวีดิจิทัลดูดีขึ้น ในช่วงไตรมาส 4/60 ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการงดฉายโฆษณาเดือนตุลา ทำให้ทุกช่องรายได้หายไปประมาณ 1 เดือน

ทั้งนี้ยังคงเลือก WORK (ซื้อ: FV61@105) เป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากมีจุดแข็งด้านการสร้างสรรค์รายการวาไรตี้ เกมโชว์ ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่าละคร และสามารถครองใจคนไทย นอกจากนี้ยังสามารถหารายได้จาก pIatform ออนไลน์ เช่น Youtube และ Facebook

ด้านราคาหุ้นทีวีดิจิตอลปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK อยู่ที่ระดับ 89.25 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.75 บาท หรือ 5.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท  และบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS อยู่ที่ระดับ 19.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.63% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 194.37 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC อยู่ที่ระดับ 17.90 บาท ปรับตัวลดลง 0.70 บาท หรือ 3.76% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 870.75 ล้านบาท ,ราคาหุ้นบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY อยู่ที่ระดับ 12.80 บาท ปรับตัวลดลง 0.40 บาท หรือ 3.03% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.69 ล้านบาท ,บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT อยู่ที่ระดับ 12.50 โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าซื้อขาย 12.62 ล้านบาท

Back to top button