PSL บวกเกือบ 3% ลุ้น Q3 พลิกกำไรรับค่าระวางเรือพุ่งต่อเนื่อง

PSL บวกเกือบ 3% ลุ้น Q3 พลิกกำไรรับค่าระวางเรือพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุด ณ เวลา 14.55 น. ราคาอยู่ที่ 12 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.56% สูงสุดที่ 12.10 บาท ต่ำสุดที่ 11.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 101.67 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ล่าสุด ณ เวลา 14.55 น. อยู่ที่ 12 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.56% สูงสุดที่ 12.10 บาท ต่ำสุดที่ 11.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 101.67 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีโดยรวมบวก 0.12%

ด้าน บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 14.10 บาท/หุ้น คาดว่าไตรมาส 3/60 กลับมาคุ้มทุนได้ในรอบกว่า 3 ปี โดยคาดว่าจะมีกำไรราว 12 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/60 ที่ขาดทุนปกติราว 33 ล้านบาท และไตรมาส 3/59 ที่ขาดทุนปกติ 245 ล้านบาท

ส่วนนอกเหนือจากการควบคุมต้นทุนที่ยังทำได้ดี (คาด Opex ยังทรงตัวต่ำที่ 4,300 – 4,400 เหรียญต่อวันต่อลำ) แต่ในแง่ของค่าระวางเรือ ยังคงกระเตื้องต่อเนื่องจากไตรมาส 2/60 ผลจากกิจกรรมนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นของจีน โดย Baltic Handysize Index เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ Baltic Supramax Index เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน (รายได้ของ PSL อิงกับดัชนีเรือ Handysize/Supramax ราว 50/50%) รวมแล้วเราคาดว่าระวางเรือต่อวันต่อลำของ PSL จะเพิ่มขึ้นราว 4.5% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 9,618 เหรียญ ด้านแนวโน้มไตรมาส 4/60 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุด Baltic Handysize และ Supramax เฉลี่ย QTD เพิ่มขึ้นราว 20% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/60

สำหรับการเรียกร้องผลประโยชน์เพิ่มเติมจากอู่เรือ Sanfu จากข้อพิพาทเรื่อง Spec. ไม่สำเร็จ มีผลกระทบเพียงเล็กน้อย แม้อนุญาโตฯ จะตัดสินให้ PSL ไม่ได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติม จากกรณี พิพาทเรื่อง Spec. เรือกับอู่ต่อเรือ Sanfu (สามารถอุทธรณ์ได้อีก) อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ PSL ได้รับส่วนลดค่าต่อเรือไปแล้วจากสัญญาระงับข้อพิพาทลำละ 2 ล้านเหรียญ และจะได้รับชำระเพิ่มเติมก็ต่อเมื่อข้อพิพาทถึงที่สุด

โดยที่ผ่านมา Sanfu ได้ให้เงินประกันในรูปเงินกู้แก่ PSL มาราว 1,000 ล้านบาท (32 ล้านเหรียญ) โดยหากถึงที่สุดแล้ว Sanfu ชนะข้อพิพาท PSL จะจ่ายเงินคืนให้ Sanfu ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยปีละ 60 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นปัญหาต่อ PSL นักเทียบกับเงินสดในมือ 3,000 ล้านบาท และ Cycle ของการลงทุนหนักๆ ที่จบไปแล้ว หลังแล้วเสร็จแผนการปรับปรุงกองเรือไปในไตรมาส 2/60

ทั้งนี้ ปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้นเล็กน้อย ปรับประมาณการในปี 60 ขึ้นอีกครั้ง จากแนวโน้มครึ่งปีหลัง 60 ที่แข็งแรงกว่าเคยมองไว้ พร้อมๆ กับ Demand-Supply ที่เข้าสู่สมดุลมากขึ้น ล่าสุด Order Book ของเรือเทกองอยู่ที่ 7.5% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ (ช่วงเลวร้ายอยู่ที่ราว 70% ในปี 2551) ด้าน Demand ยังคงแข็งแรงแม้จะเกรงกันว่าการที่จีนพยายามลดกำลังการผลิตเหล็กคุณภาพต่ำอาจกดดันอุตสาหกรรมเรือเทกอง แต่ในอีกแง่หนึ่งจีนต้องนำเข้าสินแร่เหล็กและถ่านหินที่มีคุณภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของการขนส่งโภคภัณฑ์หลักคือ สินแร่เหล็ก, ถ่านหิน, พืชผลเกษตร ในปีนี้ Clarksons ประเมินว่าจะเติบโต 5%, 4%, 6% ตามลำดับ ด้าน Supply เรือในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4%

Back to top button