STEC เริ่มตื่นจากฝันร้าย.!

เรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกลับคืนมาไม่น้อย เมื่อบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% และพลิกจากขาดทุนสุทธิช่วงไตรมาส 4/2560 รายได้รวม 5,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากความคืบหน้าโครงการใหม่รถไฟฟ้าสายสีส้ม และงานโรงไฟฟ้า


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

เรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกลับคืนมาไม่น้อย เมื่อบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% และพลิกจากขาดทุนสุทธิช่วงไตรมาส 4/2560 รายได้รวม 5,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากความคืบหน้าโครงการใหม่รถไฟฟ้าสายสีส้ม และงานโรงไฟฟ้า

ทว่า..อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 7.7% ต่ำกว่าไตรมาส 1/2560 ที่ทำได้ 8.3% เป็นผลจากรายได้ของโครงการรัฐสภาที่มีมาร์จิ้น 0% แต่ STEC ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 4/2560 หลังจากต้องเผชิญผลขาดทุน จากการตั้งสำรองโครงการรัฐสภา

ขณะที่ผู้บริหาร STEC ยืนยันว่าการตั้งสำรองดังกล่าวทำให้ปัญหาจบครั้งเดียว โดยไม่คิดว่าจะมีการสำรองเพิ่มเติมในอนาคต โดยโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา จะเสร็จสิ้นภายใน 23 เดือนข้างหน้า แต่ติดตามความชัดเจนอีกครั้งเพราะอย่าลืมว่า STEC เคยตั้งสำรองดังกล่าวมาครั้งหนึ่งแล้ว มูลค่าราว 600 ล้านบาท

ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง STEC ได้ลงนามงานก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินของทั้ง 2 สายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงรับรู้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ประมาณปลายไตรมาส 3/2561 รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีความคืบหน้าจะผลักดันฐานรายได้ 3 ปีข้างหน้า

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 มีโอกาสดีต่อเนื่องในไตรมาส 1/2560 จากการรับรู้รายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เริ่มดำเนินการเต็มที่ และช่วงครึ่งปีหลังการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองจะคืบหน้ามากขึ้น ผลักดันรายได้ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

แต่เงื่อนไขสำคัญคือการบริหารต้นทุนโครงการ เหตุเพราะมีผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโครงการรถไฟฟ้าใหม่ที่รับรู้รายได้มีกำไรดี แต่รายได้โครงการรัฐสภาไม่มีกำไร..!?

ล่าสุด STEC มีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 130,000 ล้านบาท (สูงสุดเป็นประวัติการณ์) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการเซ็นงานใหม่แล้ว 27,400 ล้านบาท เป็นงานโรงไฟฟ้า 3 โรง มูลค่า 20,000 ล้านบาทและงานโครงสร้างทางวิ่งเดี่ยว สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มูลค่า 7,300 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าว ถูกคาดหมายกันว่ารายได้จากการก่อสร้างปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ 22% และมาร์จิ้นกลับมาที่ระดับ 6.76% จากปีก่อนที่มีการตั้งสำรองทำให้มาร์จิ้น -7.33%

ความน่าสนใจจากปัจจัยเชิงบวกของ STEC ปีนี้ อยู่ที่ตัวเลขรายได้ 25,000 ล้านบาท และ Gross Margin โดยเฉลี่ยทั้งปี 6.5-7% แต่ความเสี่ยงอยู่ที่งานประมูลภาครัฐล่าช้า, ต้นทุนการก่อสร้างและปัญหาแรงงานขาดแคลนและการควบคุมอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวม..!!!

อาจเรียกได้ว่า STEC เริ่มตื่นจากฝันร้ายแล้ว..แต่จะกลับไปสู่ฝันร้ายอีกหรือไม่..เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนคงต้องเอาใจช่วยกันต่อไป..

…อิ อิ อิ…

Back to top button