PPS แย้ม Q2/61 รับงานใหม่เพียบ หนุนรายได้ปี 61 โตตามเป้า 25%

PPS แย้ม Q2/61 รับงานใหม่เพียบ หนุนรายได้ปี 61 โตตามเป้า 25% พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 10-12%


นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/61 บริษัทรับงานโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติม 2 โครงการทั้งของภาครัฐ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าประมูลโครงการงานปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ด้วย

ทั้งนี้ ปริมาณงานของบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 2/61 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะงานของภาคเอกชนที่มีออกมามาขึ้น รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเตรียมแผนเข้าไปรับงานในต่างประเทศที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งหลังของปีนี้ จึงเชื่อว่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากความล่าช้าของงานโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาได้

โดยบริษัทจึงยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตราว 25% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 10-12% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขยายธุรกิจเพิ่มเติม 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจการทำราคาและธุรกิจการควบคุมราคา ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่งานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ราว 300 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะออกมาดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่อาจทำได้ไม่ดีนัก โดยบริษัทคาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการรับรู้รายงานของงานโครงสร้างพื้นฐานที่ล่าช้ามาจากปีก่อน ประกอบกับมีการติดตามงานโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่จะมีการเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการภายใต้เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และงานระบบขนส่งมวลชน

สำหรับโอกาสการรับงานในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้ารับงานในต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งใน สปป.ลาว และที่ดูไบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะเดียวกันก็ได้ม่งเน้นพัฒนามาตรฐานให้เป็นสากลมากขึ้นเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยมีการรับบุคลากรเพิ่มเพื่อให้สามารถรองรับงานต่างประเทศได้ โดยคาดว่าจะเห็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 61

พร้อมกันนั้น บริษัทพยายามพัฒนาเทคโนโลยีในทิศทางสอดคล้องกับโลกปัจจุบันจากความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยบริษัทมีแผนการพัฒนาแอพพลิเคชันเพื่อเป็น smart consultant และมองว่าแอพพลิเคชันดังกล่าวจะมีแนวโน้มปรับดีขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนแผนระดมทุนในรูปแบบ Initial Coin Offering (ICO) ที่เป็นความร่วมมือกับ บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท โปรฟิน กรุ๊ป จำกัดนั้น ต้องระงับไว้ก่อนเพื่อรอความชัดเจนจากกฎระเบียบที่จะออกมาภายใต้ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะประเด็นความคุ้มค่าจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี บริษัทร่วมทุนที่ตั้งขึ้นมายังมีช่องทางอื่นที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการเจรจาเพื่อสรุปร่วมกันกับพันธมิตร

“เข้าใจว่าคงมีความตั้งใจดีของผู้ออกกฎเกณฑ์ แต่เป็นอุปสรรคการทำธุรกิจประเภทนี้ในประเทศของเรา ซึ่งต้องดูผลดีและผลเสีย ในฐานะผู้ประกอบการมองว่าจะทำให้ทำธุรกิจได้ลำบาก ซึ่งผู้ดำเนินธุรกิจด้วยวิธีนี้อาจจะต้องไม่อยู่ในประเทศไทย ทำให้เราเสียโอกาส” นายพงศ์ธร กล่าว

Back to top button