AH ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว.!?

จากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1/2561 บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH มีกำไรสุทธิ 397.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2560 ที่มีกำไร 224.03 ล้านบาท ทำให้ซีอีโอเจ้าน้ำตา อย่าง “เย็บ ซู ชวน” หัวใจพองโต ออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าไตรมาส 2/2561 จะเติบโตขึ้นอีกตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนค่อนข้างดี


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

จากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1/2561 บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH มีกำไรสุทธิ 397.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2560 ที่มีกำไร 224.03 ล้านบาท ทำให้ซีอีโอเจ้าน้ำตา อย่าง “เย็บ ซู ชวน” หัวใจพองโต ออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าไตรมาส 2/2561 จะเติบโตขึ้นอีกตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนค่อนข้างดี

นั่นทำให้ปี 2561 รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมาย 3-5% จากปีก่อนทำได้ 17,100 ล้านบาท จากแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตประมาณ 5-10% โดยมียอดผลิตในประเทศปีนี้ระดับ 2-2.1 ล้านคันจาก 1.98 ล้านคันช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีการร่วมทุนกับพันธมิตรในเม็กซิโก เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเพิ่มอีก ส่งผลดีต่อรายได้รวมและอัตรากำไรมากขึ้น ปัจจุบัน AH มีอัตราการใช้กำลังผลิตสัดส่วน 70% ทำให้เหลือกำลังผลิตได้อีกมาก

การฟื้นตัวของผลประกอบการ AH ถือว่าสอดคล้องกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก กลายเป็นสิ่งยืนยันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า  AH ที่ผ่านพ้นวิบากกรรมจุดต่ำสุดไปแล้ว..!?

ที่น่าสนใจ AH เป็น Holding Company ที่ลงทุนในทั้งบริษัทคู่ค้า บริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยไม่ต่ำกว่า 50 บริษัท ล่าสุดมีการลงทุนครั้งใหญ่ใน Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH Group) ด้วยการเข้าถือหุ้น 25.1% มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,600 ล้านบาท) โดยให้กู้ในลักษณะเงินกู้แปลงสภาพ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,600 ล้านบาท) ดอกเบี้ย 20% ต่อปี

จากวิศวกรรมการเงินดังกล่าวช่วงแรก AH จะรับรู้ดอกเบี้ยรับปีละราว 320 ล้านบาท ไปจนถึงสิ้นปี 2020 และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นไปพร้อม ๆ กัน

ในแง่การขยายธุรกิจด้วย SGAH เป็นผู้ชำนาญชิ้นส่วนช่วงล่างและระบบส่งกำลังรถยนต์ด้านความปลอดภัย และมีโรงงานผลิตกระจายไปทั้งเอเชีย สหรัฐฯ และยุโรป จะเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มกับสิ่งที่ AH กำลังขาด และช่วยกระตุ้นการเติบโตระยะยาวขึ้นอยู่กับส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรของ SGAH เป็นสำคัญ..!!

จุดเปลี่ยนสำคัญของ AH อยู่ที่พันธมิตรอย่าง SGAH ที่จะช่วยสร้าง Global Footprints มีศักยภาพในอนาคตด้วยการขยายตลาดส่งออกไปสู่อินเดีย สหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงมองหาโอกาสลงทุนแห่งใหม่อีกด้วย..

แต่จุดเปลี่ยนที่ว่ามาพร้อมกับความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของต้นทุนและค่าเงิน หลังมีการขยายฐานตลาดสู่ตลาดโลกมากขึ้น

ที่สำคัญโครงสร้างตลาดและเทคโนโลยีรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ AH จะปรับตัวตามได้มากน้อยเพียงใด เพราะนั่นหมายถึงจุดชี้วัดว่า AH ผ่านจุดต่ำสุดอย่างแท้จริง..!!??

..อิ อิ อิ….

Back to top button