ก.ล.ต.ลงดาบแก๊งจีนปั่นหุ้นข้ามชาติ ชี้ผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์โทษสูงสุดจำคุก5ปี ปรับ500,000บ.

สืบเนื่องจากกรณีที่ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจพบกลุ่มชาวจีนจำนวนมากพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซึ่งแสดงหน้าจอการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มชาวจีนดังกล่าวได้รับจ้างจากนายทุนให้เข้ามาสร้างราคาหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นจีน โดยใช้จังหวัดอุบลราชธานีเป็นแหล่งกบดาน

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษบุคคลสัญชาติจีน รวม 7 ราย  ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดย ก.ล.ต. จึงตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมพบว่า บุคคลสัญชาติจีน รวม 7 ราย ได้แก่

1) นายเค่อ ซิ เหว่ย 2) นายโจ โจ 3) นายเฉิง เจีย  4) นายหลู หยาง หยิน 5) นายอู่ จิน เฉิง 6) นายเฉิน เซียวเซียง และ 7) นายซิน เย่ ได้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฐานในการติดต่อชักชวนผู้ลงทุนในต่างประเทศให้ซื้อขายหุ้นต่างประเทศ

โดยพบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อความเชิญชวน และข้อมูลการติดต่อกับผู้ลงทุน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ยังพบข้อสงสัยว่า บุคคลข้างต้นอาจมีพฤติกรรมซื้อขายหุ้นแทนลูกค้าด้วย ซึ่งเข้าข่ายการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ การกระทำของบุคคลข้างต้นจึงถือเป็นความผิดตามมาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 289 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน คือ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลดังกล่าว และชี้เบาะแส ต่อ ปอศ.

โดย นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบมีผู้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการชักชวนให้คนลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่มีใบอนุญาต และอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ในต่างประเทศอีกด้วย