ความจริงวันนี้

ออกสตาร์ตต้นปีมา หุ้นไทยอยู่ที่ 1,753 จุด แต่ตอนนี้ลงไปกองอยู่ที่ 1,601 จุดแล้ว เป็น “จุดวัดใจ” ครั้งสำคัญอีกหนว่า จะหลุดระดับ 1,600 จุดหรือไม่


ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์

ออกสตาร์ตต้นปีมา หุ้นไทยอยู่ที่ 1,753 จุด แต่ตอนนี้ลงไปกองอยู่ที่ 1,601 จุดแล้ว เป็น “จุดวัดใจ” ครั้งสำคัญอีกหนว่า จะหลุดระดับ 1,600 จุดหรือไม่

แนวโน้มก็น่าจะ “หลุด” นะ

ตอนดัชนีในระดับ 1,630 จุด ผมก็เคยเขียนเชียร์ในคอลัมน์นี้เหมือนกันว่า “ของถูกเกลื่อนตลาด” แล้วนะ มีสินค้าที่ถึงพร้อมทั้งการเป็นหุ้นปันผลดี มีสภาพคล่องดี จะเข้าจะออกเมื่อใดก็ได้ และหวังได้ถึง “ส่วนต่างราคา” อยู่มากมายพอสมควร

แต่ที่ไหนได้ ดัชนีตลาดก็ยังหลุดต่ำลงมาอีก และราคาหุ้นพื้นฐานหลายตัว ก็ยังโดนถล่มลงมาเสียยับเยิน อาทิ PTT นี่หลุดแล้วหลุดอีกแบบไม่น่าเชื่อ พี/อีแค่ 10 เท่า และปันผลก็มากกว่า 4.3% เข้าไปแล้ว

หุ้นที่เพิ่งจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.30 บาทอย่างจัสมินฯ และก็ยังมีความหวังจะรับเงินปันผลพิเศษในการนำโครงข่ายขายเข้ากองทุน JASIF ราคาก็รินลงมาเรื่อยจนบัดนี้เป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนถึง 11% เข้าไปแล้ว

หาได้ที่ไหนกันเนี่ย แต่ก็ยังมีแนวโน้มว่าหุ้นพื้นฐานหลายตัวจะโดนถล่มกันต่ออีก

เห็นทีจะต้องยอมรับความจริงกันล่ะครับว่า หุ้นไทยตอนนี้เกิดสภาพเลวร้ายเกินระดับปกติขึ้นแล้วจริง ๆ ซึ่งหากถาโถมเข้าไปก็คงจะเจ็บตัวมากขึ้น

เป็นสภาพดี 1 วัน-ร้าย 2 วันอย่างเนี้ย จะเข้ารบรันพันตูด้วยได้ที่ไหน

คงต้องใจเย็น ๆ รอจังหวะเข้าลงทุนกันล่ะครับ ตั้งรับกันลงมาในแดนลึก ๆ หน่อย อย่างเช่นถ้าวันนี้ หากดัชนีหลุด 1,600 จุดลงมา ก็ต้องรอคอยตั้งรับกันที่ 1,550 จุดเป็นอย่างน้อยไปเลย

หรืออาจจะไปดูกันลึก ๆ หน่อยตอนระดับ 1,500 จุดต้น ๆ แต่ผมว่า ดัชนีไม่น่าจะหลุดต่ำระดับ 1,500 จุดแล้วนะ

ก็คงต้องพูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ กันอีกทีว่า ตลาดหุ้นไทยที่ดูจะเลวร้ายเกินปกติในเวลานี้ เกิดจากปัจจัยต่างประเทศเป็นด้านหลัก ชาวโลกเราโชคร้ายที่ดันได้โดนัลด์ ทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประกาศนโยบายกีดกันการค้าไปทั่ว

ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเรายังรักษากำไรเอาไว้ได้ และภาพรวมเศรษฐกิจก็ยังไม่ถึงกับจะเลวร้ายนัก

ตลาดหุ้นคงจะกลับมาได้สักวันอย่างแน่นอน เพียงแต่เดือน-สองเดือนที่ผ่านมา อาจจะมองโลกสวยไปนิด มองว่าหุ้นตัวนั้นตัวนี้ มีราคาต่ำแล้วนะ ก็ยังมีราคาต่ำกว่าให้เห็นอีก

สรุปว่า ต้องอดทนรอคอยการ “เข้าทำ” ครั้งใหม่มากกว่าเดิมครับ หุ้นตัวไหนที่พลาดท่าเสียทีไปแล้ว ตราบใดที่บริษัทยังไม่เจ๊ง และยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมออยู่ ก็ไม่เห็นจะต้องไปวิตกทุกข์ร้อนอะไร

ตราบใดที่ “ยังไม่ขาย ก็ยังไม่ขาดทุน กินเงินปันผลไปเรื่อย ๆ” ตอนนี้ ผมก็ว่าวีไอทั้งหลาย ก็ขาดทุนจากราคาหุ้นทั้งนั้นแหละ เพราะคิดราคาตาม “มาร์ค ทู เดอะ มาร์เก็ต”

แต่ก็ยังมีเงินปันผลปลอบใจ และก็มีความหวังว่าราคาหุ้นจะฟื้นคืน ผิดกับการถือครองหุ้นที่ดีแต่เปลือก

ยิ่งไปเจอเจ้าของหุ้นที่ขายหุ้นตัวเองทำกำไรไปแล้ว เขาก็พร้อมจะทิ้งบริษัทของตัวเองไปได้ทุกเมื่อ ใครที่หลง “ภาพลวงตา” ก่อนหน้านี้ก็ซวยไป

ความจริงวันนี้ อาจจะเลวร้ายผิดคาดไปสักนิด แต่ก็ยังไม่ถึงกับจะสิ้นหวัง ต้องใช้ปัญญาและอดทนรอคอยมากกว่าเดิม

 

Back to top button