SCCC แผนปรับลดต้นทุนกำลังออกผล.!?

แผนการปรับลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC (คนทั่วไปมักรู้จักกันในนาม “ปูนตราอินทรีย์”) ช่วงภาวะความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศรอการฟื้นตัว เริ่มเห็นผลเชิงบวกมากยิ่งขึ้น สะท้อนได้จากงบการเงินไตรมาส 2/2561 ที่มีกำไรสุทธิ 1,021.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 245.73 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 37% จากระดับ 32%


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

แผนการปรับลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC (คนทั่วไปมักรู้จักกันในนาม “ปูนตราอินทรีย์”) ช่วงภาวะความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศรอการฟื้นตัว เริ่มเห็นผลเชิงบวกมากยิ่งขึ้น สะท้อนได้จากงบการเงินไตรมาส 2/2561 ที่มีกำไรสุทธิ 1,021.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 245.73 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 37% จากระดับ 32%

โดย SCCC ตั้งเป้าหมายลดต้นทุนการดำเนินงาน 1,140 ล้านบาท คือ 1) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตั้งเป้าหมายลดต้นทุน 180 ล้านบาท 2) การปรับปรุงกระบวนการขนส่ง และ Logistics ตั้งเป้าหมายลดต้นทุน 140 ล้านบาท 3) การปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตั้งเป้าหมายลดต้นทุน 370 ล้านบาท 4) การปรับปรุงกระบวนการบริหารทั่วไป ตั้งเป้าหมายลดต้นทุน 450 ล้านบาท

แม้ว่าเป้าหมายการลดต้นทุนยังไม่บรรลุผลทั้งหมด แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นชัดว่า “กำลังเดินมาถูกทาง” แล้ว และสะท้อนชัดเจนสุดในงบการเงินปี 2562

นอกเหนือจาก “การปรับลดต้นทุน” ดังกล่าว SCCC มีการปรับแผนธุรกิจและการตลาดคู่ขนานไปด้วย อาทิ 1)  การปรับเพิ่มราคาขายในประเทศประมาณ 50-100 บาทต่อตัน 2) การสร้างยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากธุรกิจปูนซีเมนต์ในภูมิภาคที่บริษัทซื้อกิจการ 3) การบริหารจัดการต้นทุนถ่านหินด้วยการจัดซื้อล่วงหน้า

แม้ตัวเลขยอดขายในประเทศมีการชะลอตัว แต่ต่างประเทศเติบโตดี โดยยอดขายในประเทศ (กำลังการผลิต 15.6 ล้านตัน) ลดลง 3% ตลาดปูนซีเมนต์ในเวียดนาม (กำลังการผลิต 6.3 ล้านตัน) เริ่มฟื้นตัวล่าสุดเดือน มิ.ย. 2561 ปรับเพิ่มขึ้น 8% ตลาดปูนซีเมนต์ในบังกลาเทศ (กำลังการผลิต 0.5 ล้านตัน) ปรับเพิ่มขึ้น 10% และตลาดปูนซีเมนต์ในศรีลังกา (กำลังการผลิต 2.3 ล้านตัน) ปรับลดลง 10%

ที่มองข้ามไม่ได้คือธุรกิจวัสดุทดแทนการก่อสร้าง งวดไตรมาส 2/2560 มีรายได้ 1,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 694 ล้านบาท แม้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของรายได้รวมทั้งหมด แต่มีแนวโน้มการเติบแบบก้าวกระโดดมาโดยตลอด

การปรับตัวของ SCCC ช่วงภาวะตลาดปูนซีเมนต์ชะลอตัว ใช้หลักยุทธศาสตร์แนวดิ่ง คือ การปักธงธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และต่อยอดสินค้าและบริการต่าง ๆ ในไลน์ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ควบคู่ไปกับการใช้กลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนเป็นสำคัญ

แตกต่างจากบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่เดินยุทธศาสตร์แนวกว้าง โดยเน้นแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการรุกเข้าธุรกิจปิโตรเคมีเต็มพิกัด การขยายธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อกระจายความเสี่ยง ช่วงภาวะวิกฤติตลาดปูนซีเมนต์ชะลอตัว

นับเป็นการเดินกันไปคนละทางด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ “ผลกำไร” ที่ยั่งยืน แต่ปัญหาอยู่ว่าจะมีใคร “เดินหลงทาง” หรือไม่  อันนี้ต้องรอพิสูจน์กันต่อไป..!!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button