พาราสาวะถี

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานกกต.และกกต. ประกอบด้วย นายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธานกกต. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และ นายปกรณ์ มหรรณพ เป็นกกต. ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2561


อรชุน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานกกต.และกกต. ประกอบด้วย นายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธานกกต. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และ นายปกรณ์ มหรรณพ เป็นกกต. ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2561

นั่นหมายความว่านับจากนี้ไปกกต.ชุดเก่าที่มีปัญหาถูกคาใจจากสนช.บางพวกเรื่องการเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง มีอันต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยปริยาย และกกต.ชุดใหม่ก็จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า ความเคลื่อนไหวที่เข้าชื่อเพื่อจะขอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยกกต.ต่อปมปัญหาผู้ตรวจการเลือกตั้งน่าจะต้องยกเลิกกันไป

ไม่จำเป็นต้องฟัง มหรรณพ เดชวิทักษ์ สนช.ผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อในการเสนอขอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะมาถึงตรงนี้นี่คือทางถอยที่ดีที่สุดแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปดัดจริตชื่นชมกกต.ชุดเก่าว่า ทำงานอย่างดีตลอด เพราะการเข้าชื่อเพื่อขอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวนั้น สะท้อนภาพชัดเจนว่าตัวเองและพวกคิดและรู้สึกอย่างไรต่อกกต.ชุดที่หมดอำนาจไป

สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า คงเป็นความเคลื่อนไหวของรัฐบาลและคสช.ต่อกระบวนการที่จะคลายล็อกให้พรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรม รวมไปถึงการแก้ปัญหาชีวิตว่าด้วยไพรมารีโหวต อย่างที่ วิษณุ เครืองาม บอกว่ารู้สึก “ตื่นเต้น” หลังกกต.ชุดใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เพราะมีเรื่องให้ต้องทำกันหลายอย่าง จะได้เสร็จ ๆ ไป

โดยประเด็นที่วิษณุในฐานะมือกฎหมายรัฐบาลจะต้องรีบหารือกับกกต.ชุดใหม่ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกันไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไพรมารีโหวต การแบ่งเขตเลือกตั้ง และการเลือกตั้งผู้ตรวจการประจำจังหวัด แม้ก่อนหน้านี้จะมีการหารือกับกกต.ชุดเก่าไว้แล้ว แต่เมื่อมีกกต.ชุดใหม่ คงต้องหารือกันให้สะเด็ดน้ำ ให้ได้ข้อยุติและมีคำตอบให้กับพรรคการเมืองเพื่อที่จะได้เดินเข้าสู่โหมดเลือกตั้งกันเต็มตัว

ชัดเจนกันขนาดนี้แล้ว คงพอจะทำให้เชื่อมั่นกันได้กระมังว่าที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกจะประกาศจุดยืนทางการเมืองภายในเดือนหน้านั้น น่าจะเห็นอะไรเป็นอะไร ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งจะได้มีการคลายล็อกหรือถึงขั้นปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมกันเสียที ไม่ต้องมาถูกครหาว่าเลือกปฏิบัติ ปล่อยให้บางกลุ่มเคลื่อนไหวกันเอิกเกริก

คงไม่ต้องไปหาสาระอะไรกับสิ่งที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน บอกว่าการเดินสายของกลุ่มสามมิตร ไม่ถูกเพ่งเล็งว่าผิดกฎหมาย ไม่เป็นปัญหาด้านความมั่นคง พร้อมขอบคุณ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เสียยกใหญ่ มันก็แค่การเล่นละครทางการเมือง ที่บอกว่าถ้าอยากเดินสายได้ให้ลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองยิ่งฟังยิ่งน่าหดหู่

สรุปเลยกลายเป็นว่า นักการเมืองที่มีพรรคสังกัดขยับตัวทำอะไรไม่ได้ แต่คนที่ไม่มีพรรคตั้งแต่แรก ด้วยเหตุผลเป็นพวกสัมภเวสีหาที่ลงไม่ได้ รวมถึงบางคนถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาเลยไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงอ้างเป็นความชอบธรรม คงไม่ต้องบอกว่าชาวบ้านทั่วไปได้เห็นและฟังแบบนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร มากไปกว่านั้น ต้องไปสะกิดถามผู้รักษากฎหมายว่าสิ่งที่นักการเมืองพวกเดียวกันพูดแบบนี้จะให้เป็นแบบนั้นใช่หรือไม่

ต้องไม่ลืมว่า ยังมีนักการเมืองที่มีพรรคสังกัดชัดเจน แต่ยังไม่เป็นสมาชิกพรรคอีกจำนวนไม่น้อย หากเขาลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวจริง และใช้สิ่งที่สมศักดิ์พูดเป็นบรรทัดฐานผู้มีอำนาจจะน้ำท่วมปากกันเอาง่าย ๆ ทางที่ดีควรสื่อสารกันให้เข้าใจ จะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าไปพูดอะไรให้คนหมั่นไส้ แล้วปลายทางมันจะวกกลับมาให้คนใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกิดภาวะจุกอกพูดไม่ออก จนต้องระเบิดอารมณ์ระบายความอึดอัด แล้วมาเที่ยวขอโทษกันภายหลัง

หรือจะเป็นอย่างที่ วัชระ เพชรทอง จากค่ายประชาธิปัตย์ แสดงความแปลกใจที่พลเอกประวิตรอ้างว่าไม่รู้จักกลุ่มสามมิตร ทั้ง ๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือการทำทุกวิถีทางเพื่อให้พลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ สืบทอดอำนาจต่อไปไม่สิ้นสุด ง่าย ๆ คือสิ่งที่บิ๊กป้อมพูดเช่นนั้น ไม่ถึงขั้นเป็นการปัดสวะให้พ้นตัวแต่เป็นการพูดให้ตัวเองดูดีเท่านั้น

วัชระกระทุ้งว่าแกนนำกลุ่มสามมิตรหรือกลุ่มสามโบสถ์ เป็นที่รับรู้กันว่าประสานอย่างใกล้ชิดกับพรรคพลังประชารัฐและแกนนำคสช. ขนาด ไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาพลเอกประวิตรยังประเมินว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่งส.ส. 200 คนขึ้นไป ไม่ต่างจากแกนนำกลุ่มสามโบสถ์ที่บอกว่าจะได้ส.ส.ไม่น้อยกว่า 200 ที่นั่งเช่นกัน

การที่สมศักดิ์ประกาศว่าไม่นานจากนี้จะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่อง ขอให้รอติดตาม ความจริงแทบจะไม่มีอะไรต้องให้เดา เพราะทุกอย่างอ่านกันออกมองกันได้ เต็มที่ก็แค่การเปิดตัวสมาชิกบางรายที่ดูจะบิ๊กเนมหน่อยมาเข้าสังกัด ซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายเพราะฝ่ายกุมอำนาจได้กรุยทางแกมบังคับกันไว้ก่อนหน้า เหลือแค่วิธีการเล่นแร่แปรธาตุไม่ให้ถูกมองว่ามีการใช้อำนาจกดดันให้นักการเมืองย้ายคอกเท่านั้น

ด้วยความเป็นเผด็จการยุคใหม่จึงต้องหากลวิธีเพื่อไม่ให้การกลับเข้ามาสืบทอดอำนาจถูกต่อต้านจากฝ่ายประชาธิปไตย อันเห็นได้ชัดจากคนที่อ้างเรื่องของกฎหมาย แต่สิ่งที่ตัวเองและคณะได้ทำไปทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตได้ถูกนิรโทษกรรมไว้หมดแล้ว ซึ่งหมายความว่า จะทำชั่วทำเลวอย่างไร ก็ไม่มีวันที่จะผิดกฎหมาย จึงพูดได้ไม่อายปากว่าให้คนอื่น ๆ ปฏิบัติตามกฎหมาย

สิ่งเหล่านี้ต้องยอมรับความจริงกันว่า ในเมื่อกลุ่มคนหรือบุคคลที่เสียงดังในสังคมยอมที่จะศิโรราบให้กับอำนาจเผด็จการด้วยความกลัวระบอบทักษิณหรือผี ทักษิณ ชินวัตร ที่สร้างขึ้นมาหลอกหลอนกันเสียแล้ว ประเทศไทยคงต้องยอมรับชะตากรรมที่จะต้องเดินบนเส้นทางที่เผด็จการขีดไว้ให้ ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะเป็นแบบไหน จะถอยหลังเข้าคลองหรือใครจะอดอยากปากแห้งอย่างไร คนพวกนั้นไม่ได้เดือดร้อนและก็ไม่เคยเห็นความเดือดร้อนของใครด้วย โดยเฉพาะพวกรากหญ้าที่ยังถูกมองอย่างดูแคลนตลอดเวลา

Back to top button