สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 28 ก.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) เช่นเดียวกับ Nasdaq ที่บวกเล็กน้อย ส่วน S&P 500 ปิดทรงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมทั้งติดตามสถานการณ์การเมืองในอิตาลี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,458.31 จุด เพิ่มขึ้น 18.38 จุด หรือ +0.07% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,913.98 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.00% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,046.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.05%

ขณะที่ตลอดเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ดาวโจนส์บวก 1.9%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วน Nasdaq ลดลง 0.8%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิตาลี โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีพุ่งสูงขึ้น สืบเนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศ หลังรัฐบาลผสมชุดใหม่ได้กำหนดเป้าหมายขาดดุลงบประมาณปีหน้าสูงขึ้นมาก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในอิตาลีได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วทั้งภูมิภาค ทำให้เกิดแรงเทขาย โดยเฉพาะหุ้นธนาคารของประเทศต่างๆในยุโรปที่ต่างได้รับแรงกดดันจนร่วงหนัก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 3.20 จุด หรือ -0.83% ปิดที่ 383.18 จุด ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวลง 0.3% ส่วนในเดือนก.ย. ดัชนีปรับตัวขึ้น 0.2%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,246.73 จุด ลดลง 188.86 จุด หรือ -1.52% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,493.49 จุด ลดลง 46.92 จุด หรือ -0.85% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,510.20 จุด ลดลง 35.24 จุด หรือ -0.47%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) หลังจากปิดแดนบวกมาสามวันติดต่อกัน โดยความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี รวมทั้งงบประมาณขาดดุลที่เพิ่มสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอน รวมถึงตลาดอื่นๆทั่วยุโรป โดยหุ้นกลุ่มการเงินถูกกดดันหนักสุด ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันภัยร่วงลงเช่นกัน หลังสภาพอากาศที่แปรปรวนทำยอดเคลมประกันพุ่ง

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,510.20 จุด ลดลง 35.24 จุด หรือ -0.47% อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีขยับขึ้นราว 0.26% และปรับตัวขึ้น 1% ในรอบเดือนที่ผ่านมา

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) โดยภาวะการซื้อขายยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง หลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ เผยแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 73.25 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้น 3.5% และพุ่งขึ้น 4.9% ตลอดเดือนก.ย. ขณะที่ลดลง 1.2% ในรอบไตรมาส

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 82.72 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันศุกร์ เพิ่มขึ้น 5% ในรอบสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 6.8% ในรอบเดือน และเพิ่มขึ้น 4.1% ในรอบไตรมาส

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ราคาทองปรับตัวลดลงติดต่อกันมาสองวัน อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าต่อเนื่องยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,196.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหกสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี สำหรับทั้งสัปดาห์ ราคาทองลดลง 0.4% และลดลง 0.9% ในรอบเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่หก ขณะที่ในไตรมาสสาม ราคาทองลดลง 4.6%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 42.2 เซนต์ หรือ 2.95% ปิดที่ 14.712 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 7.7 ดอลลาร์ หรือ 0.95% ปิดที่ 822.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นเกือบ 0.2% ปิดที่ 1,072.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 13

 

ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ส่วนใหญ่ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตด้านงบประมาณของประเทศอิตาลี

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.57 เยน จากระดับ 113.42 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9792 ฟรังก์ จากระดับ 0.9775 ฟรังก์ ขณะที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนดา ที่ระดับ 1.2921 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3039 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1610 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1658  ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3039 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3087 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นแตะระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7210 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button