ALLA พุ่งเกือบ 8% หลังคว้างานระบบจัดการคลังสินค้า CPALL-กำไรไตรมาส 3/61 โตกระหึ่ม 71%

ALLA พุ่งเกือบ 8% หลังคว้างานระบบจัดการคลังสินค้า CPALL-กำไรไตรมาส 3/61 โตกระหึ่ม 71% โดย ณ เวลา 14.48 น. อยู่ที่ 1.65 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 7.84% สูงสุดที่ 1.68 บาท ต่ำสุดที่ 1.56 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 12.94 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA ล่าสุด ณ เวลา 14.48 น. อยู่ที่ 1.65 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 7.84% สูงสุดที่ 1.68 บาท ต่ำสุดที่ 1.56 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 12.94 ล้านบาท

นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALLA เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ให้ดูแลงานระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse System Provider) และในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมจะเข้าร่วมประมูลงานอีกจำนวนมาก กระจายในหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะรู้ผลภายในเดือน พ.ย.นี้

โดย ณ สิ้นเดือน ก.ย.61 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110 ล้านบาท หรือ 36% จากสิ้นปี 60 เป็นผลจากการขยายการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม โดย Backlog ดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวดไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 22.85  ล้านบาท เติบโต 71% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.40 ล้านบาท นับเป็นไตรมาสที่ทำกำไรสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในแง่ของรายได้ของบริษัทในไตรมาส 3/61 จะมีจำนวน 168.31 ล้านบาท ลดลง 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่เนื่องจากบริษัทมีงานโครงการพิเศษที่ได้ดำเนินการส่งมอบให้ลูกค้าระหว่างไตรมาส รวมถึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 14%  เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7%

ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีกำไรสุทธิ 43.86 ล้านบาท เติบโต 16.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 60 ที่มีกำไรสุทธิ 37.74 ล้านบาท โดยมีรายได้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 61 ที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2%

“รายได้รวมในงวด 9 แรกขยายตัวได้ดี เป็นผลมาจาก รายได้จากการขายประตูอุตสาหกรรมและสะพานปรับระดับ เพิ่มขึ้นถึง 43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 60 รับอานิสงส์จากการขยายตัวของกลุ่มคลังสินค้าและกลุ่มค้าปลีก ขณะที่รายได้จากการขายเครนและรอกไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินมั่นคง ยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.25 เท่า ทำให้มีความพร้อมในอันที่จะเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง หวังเพิ่ม Backlog ให้เพิ่มขึ้น” นายองอาจ กล่าว

Back to top button