LPH ลั่นรายได้ไตรมาส 4 พุ่งกระฉูดรับ “ไฮซีซั่น” ใจดีปันผลระหว่างกาล 0.10 บ. XD 26 พ.ย.นี้

LPH ลั่นรายได้ไตรมาส 4 พุ่งกระฉูดรับ “ไฮซีซั่น” ใจดีปันผลระหว่างกาล 0.10 บ. XD 26 พ.ย.นี้


ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2561) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 1,217.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.61 ล้านบาท คิดเป็น 10.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,102 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 140.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 10.04% โดยมีรายได้การรักษาพยาบาลประมาณ 1,025.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็น 6.56% มาจากรายได้จากผู้ป่วยชำระเงินประมาณ 613.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 19.59% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 5 ศูนย์ที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการส่วนนี้เพิ่มขึ้นกว่า 21.42% เป็นรายได้โตกว่า 40.81% และมีรายได้จากการบริการประมาณ 122.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็น 15.96%

สำหรับประกันสังคมมีรายได้ประมาณ 412.36 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 8.23%  เนื่องจากรายได้ประกันสังคมภาระเสี่ยงโรคเรื้อรัง และ RW>2 (ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง) ลดลง

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของบริษัทฯจากผลประกอบการงวด 9 เดือน (1 ม.ค.-30 ก.ย. 2561) ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เป็นจำนวนเงิน 72 ล้านบาท โดยเงินปันผลระหว่างกาลครั้งนี้จ่ายจากกำไรที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ซึ่งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถเครดิตภาษีเงินปันผลได้ กำหนดขึ้น XD วันที่ 26 พ.ย.2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 ธ.ค.2561

ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 420.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 388.90 คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น  8% โดยมีรายได้การรักษาพยาบาล 352.62 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 48.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  49.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น  6.87%

สำหรับแนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/2561 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลจะมีผู้เข้าใช้บริการในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น  ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยที่ชำระเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์  (Excellent Center) คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของรายได้ปีนี้จะสูงถึง 36.53%

ส่วนแผนการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2561 โรงพยาบาลฯ ขยายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์จากเดิม 5 ศูนย์ เป็น 10 ศูนย์ ศูนย์ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ศูนย์สุขภาพสตรี, ศูนย์สุขภาพเด็ก, ศูนย์ตรวจสุขภาพ, ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์หัวใจ เป็นการลงทุนขยายพื้นที่บริการ ซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ส่วนแผนการลงทุนเดิม โครงการโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา  ยังดำเนินการตามแผน แต่อาจมีการปรับจำนวนเตียงลดลง  จากเดิมที่จะเป็นโรงพยาบาลรักษาโรคทั่วไปและรับผู้ป่วยประกันสังคม และเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยปรับให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือศูนย์ตรวจสุขภาพแทน

“มุมมองต่อการเติบโตในอนาคต  มองว่าโรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องขยายตัวโดยการเพิ่มจำนวนเตียงมากๆ เหมือนอดีตที่ผ่านมา  โดยในช่วง 3-5 ปีนี้ จะมีโรงพยาบาลเกิดใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะเพิ่มขึ้นอีก 8-9 โรงพยาบาล ถ้าเป็นโรงพยาบาลลักษณะเดียวกัน จะทำให้เกิด Over Supply ได้   ดังนั้นในมุมมองการเติบโตของ LPH ในอนาคต เราจึงมองไปที่การขยายโรงพยาบาลในลักษณะการให้บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ รองรับการขยายการลงทุนของ EEC ในอนาคต

ทั้งนี้ในปัจจุบันโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องตรวจสุขภาพพนักงานทุกปี ต้องมีการตรวจด้านอาชีวอนามัย มีห้องพยาบาล มีแพทย์ เราจะขยายงานด้านตรวจสุขภาพนอกสถานที่และให้บริการในด้านนี้เพิ่มขึ้น ผลประกอบการปีนี้ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 10-15% โดยปีนี้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าเงินสดเทียบกับประกันสังคม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60:40 ส่วนเป้าหมายรายได้ของ LPH ในปี 2562 คาดว่าจะเติบโต 10-15% ใกล้เคียงกับปี 2561″ ดร.อังกูร กล่าว

ดร.อังกูร กล่าวเพิ่มว่า โครงการลงทุนในโรงพยาบาลที่มีผลกำไรได้ข้อสรุปเบื้องต้นทั้งสัดส่วนการลงทุนและราคาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้ขาย คาดว่าจะรอผลประกอบการของปี 2561 ก่อน

สำหรับแผนการนำบริษัทลูก AMARC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะเข้าตลาดได้ในปี 2563 ช้ากว่ากำหนดเดิมในปี 2562 เนื่องจากรองบการเงินให้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานกว่านี้ โดยคาดว่ากำไรของ AMARC น่าจะดีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปีหน้า ดังนั้นการเลื่อนขายหุ้น IPO จะส่งผลดีต่อ LPH ในแง่ของมูลค่าหุ้น AMARC ที่มีต่อ LPH ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่

Back to top button