สบช่องช้อน BGRIM! ราคาต่ำสุดรอบ 3 เดือน “เคทีบีฯ”เคาะเป้า 39 บาท-อัพไซด์พุ่ง 57%

สบช่องช้อน BGRIM! ราคาต่ำสุดรอบ 3 เดือน "เคทีบีฯ"เคาะเป้า 39 บาท-อัพไซด์พุ่ง 57% โดยปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 24.90 บาท ปรับตัวลดลง 0.85 บาท หรือ 3.30% สูงสุดที่ระดับ 25.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 185.77 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 24.90 บาท ปรับตัวลดลง 0.85 บาท หรือ 3.30% สูงสุดที่ระดับ 25.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 185.77 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 24.50 บาท เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2561 และมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุด 39 บาท อยู่ 56.62%

โดย บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BGRIM ให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท/หุ้น โดย BGRIM รายงานกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 795 ล้านบาท ในไตรมาส 3/61 ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน 533 ล้านบาท (ไม่รวมขาดทุน FX -14 ล้านบาท และกำไรจากการซื้อหุ้น 51% ของโครงการ BGYSP 276 ล้านบาท) ลดลง 8% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่โตขึ้น 337% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ทั้งนี้กำไรดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนเป็นผลจาก 1.) รับรู้กำไรจากการผลิตเต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้า ABPR4 (74 MW) ซึ่งเปิดผลิตเมื่อ มิ.ย.61 2.) ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิม โดยปริมาณขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. เพิ่ม 7% เทียบจากไตรมาสก่อนเป็น 2,027 GWh มาจากการเปิดผลิตของโรงไฟฟ้า ABPR4 และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มเป็น 789 GWh เพิ่ม 4% เทียบจากไตรมาสก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของลูกค้าใหม่ในนิคมฯ อมตะซิตี้ และลูกค้าเดิมในนิคมฯ อมตะซิตี้ แหลมฉบัง เหมราช ขณะที่อัตรากำไร (EBITDA margin) ไตรมาส 3/61 ลดลงเท่ากับ 24.9% กดดันจากต้นทุนค่าก๊าซสูงขึ้น

ส่วนกำไรปกติงวด 9 เดือนต่ำกว่าที่เราคาด คิดเป็นเพียง 62% ของประมาณการเดิม รวมทั้งในไตรมาส 4/61 คาดกำไรปกติทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนก๊าซสูงขึ้น ตามราคาก๊าซที่มีแนวโน้มปรับขึ้นในไตรมาส 4/61 แต่ค่าไฟฟ้า Ft คงเดิม จึงกดดันต่ออัตรากำไร ขณะที่รับรู้การผลิตเต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าใหม่ ABPR5 (74 MW) ที่ผลิตในต.ค.61 เข้ามาช่วยพยุงทำให้กำไรทรงตัว ดังนั้น จึงปรับกำไรปี 2561 ลดลงเป็น 2,575 ล้านบาท จากเดิม 2,837 ล้านบาท และปรับกำไรปี 2562 ลดลงเป็น 2,895 ล้านบาท จากเดิม 3,028 ล้านบาท

ส่วนโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำลังผลิตรวม 478 MW เป็นไปตามแผน ดังนี้ 1.) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์สำหรับราชการและสหกรณ์เกษตร 31 MW (ถือ 100%) คืบหน้า 83% เริ่มผลิตในธ.ค.61 2.) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำแจ 15 MW (ถือ 72%) คืบหน้า 93% โดยจะเลื่อนการเปิดผลิตเป็นไตรมาส 2/62 จาก ธ.ค.61 3.) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ DTE1&2 (Xua Cau) กำลังผลิตติดตั้ง 420 MW(ถือ 55%) และโครงการพลังแสงอาทิตย์ Phu Yen (257 MW,ถือ 80%) ในเวียดนาม ความคืบหน้า 30%, 5% ตามลำดับ กำหนดเริ่มผลิต COD ใน มิ.ย.62

ด้านความคืบหน้าของโรงไฟฟ้า SPP ที่ใกล้หมดอายุ โรงไฟฟ้า ABP1 จะหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 2562 และปี 2565 สำหรับโรงไฟฟ้า ABP2&BPCL1 ซึ่งประเด็นการต่ออายุสัญญาด้วยการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่(Replacement) หรือการต่ออายุโรงไฟฟ้าเดิม (Extension) ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างรอผลพิจารณาและมติของกพช.

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BGRIM ให้ราคาเป้าหมาย 39 บาท/หุ้น หลังประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ที่ 795 ล้านบาท (270% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 40% เทียบจากปีก่อน) ดีกว่าคาดราว 10% อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติอยู่ที่ 423 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาดไว้

ทั้งนี้กำไรปกติลดลง 23% จากไตรมาสก่อนมาจากค่าก๊าซที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นบีบให้ GPM ลดลง 310bps ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นระหว่างปีราว 162MW (เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) ด้านไตรมาส 4/61 คาดกำไรปกติลดลงจากไตรมาสก่อน หลังเข้าสู่ช่วง Low season และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2561 ที่ 1.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน)

ทั้งนี้ BGRIM ยังคงเป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ด้วยการเติบโตที่มั่นคงกว่า 40% ต่อปี CAGR (อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี) 2560-2565 หนุนโดยโรงไฟฟ้าที่มี PPA รองรับกำลังการผลิตตามสัดส่วนรวมอีกกว่า 1.1 GW (+96% จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน) ที่จะทยอย COD ในอนาคต มองราคาระดับปัจจุบันหุ้น Under value ค่อนข้างมากและเป็นจังหวะให้เข้าซื้อสะสม

Back to top button