BGRIM โตต่อ Q4 บุ๊คอมตะฯเพิ่ม 133MW “ปรียนาถ” เฟิร์มซีโอดีโซลาร์เวียดฯ 677MW มิ.ย.62!

BGRIM โตต่อ Q4 บุ๊คอมตะฯเพิ่ม 133MW "ปรียนาถ" เฟิร์มซีโอดีโซลาร์เวียดฯ 677MW มิ.ย.62!


นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ในไตรมาส 3/2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 794.80 ล้านบาท เติบโต 40% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 568.75 ล้านบาท หลังจากบริษัทรับรู้รายได้จากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า บี.กริม ยันฮี โซลาร์ เพาเวอร์ จากบริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด โดยโครงการดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากำลังผลิตรวม 59.7 เมกะวัตต์ (MW) มูลค่าการลงทุน 600 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้า บี.กริม ยันฮี โซลาร์ มีรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท และกำไรสุทธิปีละกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 3/61

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2561 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทหลายโครงการมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามแผน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 (“ABPR 5”) กำลังการผลิตติดตั้ง 133 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ BGRIM ถือหุ้นร่วมกับ, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA , และ บริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่นได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า ABPR 5 มีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) อยู่ที่ระดับ 18-25% โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้ประมาณ 500-550 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,100 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุนรายได้ทั้งปีเติบโตได้ 15-20% ตามเป้าที่วางไว้

ขณะที่ ในไตรมาส 4/2561 จะมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร เฟส 2 หลังลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย จำนวนรวม 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 30.83 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น โครงการร่วมลงทุนกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 23.58 เมกะวัตต์ และเป็นผู้สนับสนุนโครงการของสหกรณ์ภาคการเกษตร 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 7.25 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1/2562 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดฟูเยี้ยน (Phu Yen) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่ง BGRIM ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อยในสัดส่วน 80% ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement – PPA) กับ Electricity of Vietnam (EVN) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 ที่ปัจจุบันโครงการได้เริ่มดำเนินการงานก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายใน 30 มิถุนายน 2562

อีกทั้ง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตติดตั้ง 420 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม ที่บริษัทได้เข้าถือหุ้นใน Dau Tieng Ninh Energy Joint Stock Company ผ่านบริษัทย่อยในสัดส่วน 55% คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายใน 30 มิถุนายน 2562 เช่นเดียวกัน

สำหรับประเด็น เรื่องราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวลดลงในช่วงหลายวันทำการที่ผ่านมานั้น ตนมองว่า ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวล เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนกำหนด ขณะเดียวกันบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์ และต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะผลักดันให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

“ผลประกอบการ และพื้นฐานของ BGRIM แข็งแกร่งมาก ขณะที่กำไรของบริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมาย ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลอะไร ซึ่งถ้าจะมองเป็นโอกาสก็มองได้ เพราะโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเตรียมซีโอดีก็ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างเวียดนามตอนนี้เราก็มีโซลาร์ฯอยู่เกือบ 700 เมกะวัตต์ พอจ่ายไฟกลางปีหน้าแล้วก็สามารถบุ๊ครายได้ทันที” นางปรียนาถ กล่าว

Back to top button