HANA อนาคตน่าสนใจ

คุณค่าบริษัท จากแนวโน้มของสงครามการค้าในปัจจุบัน ทำให้ผ …


คุณค่าบริษัท

จากแนวโน้มของสงครามการค้าในปัจจุบัน ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในภูมิภาค ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ได้ประโยชน์ในระยะสั้นจากคำสั่งซื้อสินค้าที่ย้ายจากจีนและสหรัฐฯ

โดยบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA จะเริ่มผลิตสินค้าให้ลูกค้าใหม่ในไตรมาส 1 ปี 2562 หนุนรายได้ในปีหน้าเป็นต้นไป และยังมีลูกค้าบางส่วนที่ยังรอดูความชัดเจนของสงครามการค้าก่อนส่งคำสั่งซื้อเพิ่ม และคาดว่าโรงงานที่กัมพูชาจะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปีหน้าจากปัจจุบันที่ 10% หนุนโดยลูกค้าใหม่ และสินค้าที่เน้นแรงงาน

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกในระยะยาวหลังจากได้ฟังผู้บริหารที่มองยอดขายปี 2562 จะเติบโตต่อเนื่องจาก 1. ได้ market share สำหรับอุตสาหกรรม Sensor มือถือเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่แล้วมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2. กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโรงงานลำพูน 2 เพราะอยู่ระหว่างพัฒนาชั้น 2 ของโรงงาน คาดจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ 3. คาดกลางปี 2562 โรงงานที่กัมพูชาจะมี Utilization rate เพิ่มเป็น 40-45% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% เนื่องจากจะมีลูกค้าเพิ่มช่วงกลางปี

ขณะที่ส่วนไตรมาส 4 ปี 2561 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีต่อเนื่อง product mix ที่เปลี่ยนไปในไตรมาส 3 ปี 2561 แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาลที่ช่วยไตรมาส 4 ปี 2561 จะมีวันหยุดเทศกาลเยอะ

ทว่าในไตรมาส 4 ปี 2561 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนตามผลของฤดูกาลก็ตาม แต่ยังคงเติบโตได้จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคาดยอดขายสกุลดอลลาร์เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นในกลุ่ม Mobile sensor และ IC ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

ประกอบกับคาดค่าเงินบาทในไตรมาส 4 ปี 2561 จะไม่แตกต่างกับไตรมาส 3 ปี 2561 มากนัก ซึ่งค่าเฉลี่ย USDTHB ในไตรมาส 4 ปี 2561 อยู่ที่ 32.87 บาท/ดอลลาร์ ด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มองว่า HANA ได้รับผลกระทบที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าดังกล่าวยังน้อยอยู่ และมีโอกาสที่ลูกค้าจะย้ายฐานการผลิตมาโรงงานที่ไทยหรือกัมพูชาเพิ่มขึ้น

สิ่งสำคัญยังมีโอกาสในอนาคตให้เติบโต เนื่องจากปัจจุบัน HANA กำลังเจรจากับลูกค้าอีก 2 เจ้าใหญ่สำหรับโรงงานที่ Ohio ประเภทสินค้า Tyre tag ซึ่งถ้าสำเร็จคาดออเดอร์จะมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว และบริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนา Wireless charging สำหรับรถยนต์ EV คาดจะจำหน่ายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าสินค้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 47.00 บาท จากราคาหุ้นที่ลดลงรับรู้ข่าวร้ายไปแล้ว และมีเงินปันผลที่สูงถึง 6%

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. OMAC (HK) LIMITED 172,480,000 หุ้น   21.43%
  2. LGT BANK (SINGAPORE) LTD   83,069,900 หุ้น   10.32%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด   59,302,784 หุ้น   7.37%
  4. STATE STREET EUROPE LIMITED                  41,137,198 หุ้น   5.11%
  5. บริษัท โอแมค จำกัด   40,939,360 หุ้น   5.09%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายจอห์น ทอมพ์สัน ประธานกรรมการบริษัท, กรรมการอิสระ, ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
  2. นายริชาร์ด เดวิด ฮัน กรรมการ
  3. นายวินสัน มุง ชู ฮุย กรรมการ
  4. นายเทอร์เรนซ ฟิลิป เวียร์ กรรมการ
  5. นางสลักจิตต์ ปรีดาภรณ์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ

Back to top button