“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้รีบาวด์แนะทยอยสะสม 7 หุ้นเด่นเน้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่

“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้รีบาวด์แนะทยอยสะสม 7 หุ้นเด่นเน้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่


บล.เออีซี ประเมินดัชนีวันนี้ (26ธ.ค.61)วันนี้คาด SET Index รีบาวด์ขึ้นมาหลัง RSI (120 นาที) ปรับตัวลงทดสอบแนวรับ โดยประเมินแนวต้านที่ 1,576 จุด และแนวรับที่ 1,550 จุด ก่อน หากผ่านได้คาดดัชนีจะค่อยๆปรับขึ้นต่อจนปิด Gap ที่ 1,591 จุดภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นในต่างประเทศเมื่อคืนนี้ทั้งสหรัฐฯ-ยุโรปรวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

Investment Strategy

สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ ประเมินกรอบ SET Index ที่แนวรับ-แนวต้าน 1,547-1,600 จุด (Fwd PE Valuation 14.2-14.7x) โดยมีปัจจัยลบหลักจากต่างประเทศทั้งราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง บวกกับประเด็น Trade Wars สหรัฐฯ-จีนที่ไม่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ดี ยังมองดัชนีจะยืนเหนือแนวรับในโซน 1,540-1,560 จุดจนถึงสิ้นปีนี้ ดังนั้นแนะนำทยอยสะสมหุ้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะกลุ่ม ดังนี้

กลุ่มสื่อ ซึ่งมีฐานต่ำในปีก่อน จากได้รับผลกระทบจากการขึ้นป้ายไว้อาลัยบวกกับคาดเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางสดใสขึ้นรับผลบวกในช่วงเม็ดเงินโฆษณาภาคเอกชนยังโตต่อเนื่อง แนะนำ PLANB (แผนขยาย Media Capacity 15-20%YoY ให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น และสร้างจุดเด่นด้วย Engagement Marketing พร้อมแผนต่อยอดธุรกิจ Sport Marketing ด้วยการลงทุนในร้านนำเข้าสินค้ากีฬาภายใน้แบรนด์ ATMOS), VGI (รับรู้รายได้ป้ายโฆษณาบนสถานี BTS ที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ ส่วน MACO ยังมีผลดำเนินงานดีต่อเนื่องจากแผนปรับปรุงจอโฆษณาจาก Static เป็น Digital ในหลายพื้นที่ บวกกับคาดมีแรงหนุนจากSynergy ในกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมแผน M&A อีก 2-3 บริษัทในปีหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Marketing Solution), และ MAJOR (รายได้ธุรกิจโรงหนังที่มีแนวโน้มปรับตัวดีตามไลน์หนังฟอร์มยักษ์มีความน่าสนใจมากขึ้น สะท้อนได้ด้วยรายได้ Box Office เดือน ต.ค. โต 28.8%YoY บวกกับมีหนังไทยที่ทำเงินดีอย่าง นาคี 2 (441.2 ลบ.) ขณะที่ธุรกิจสื่อคาดได้แรงหนุนจากการเซ็นสัญญาให้บริการลูกค้าใหม่ที่เลื่อนมาจากช่วง 3Q61)

กลุ่มค้าปลีก มองช่วง 4Q61 กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงไว้อาลัยนอกจากนี้ปีหน้ายังมีอานิสงส์บวกจากมาตรการคืนVAT 5% ให้ประชาชนทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 62 เพื่อกระตุ้นนโยบาย E-Payment เลือก ROBINS (คาดโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะเปิดสาขาใหม่ และกลยุทธ์ปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น) และ CPN (คาดโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ และการปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน โดยปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.7 ล้าน ตร.ม. เพิ่มจาก 1.6 ล้าน ตร.ม. ณ สิ้นช่วง 3Q60)

กลุ่มนิคม มองได้อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนขึ้นคาดหนุนทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสน ตรม.)

Back to top button