DTAC ดีดบวก 2% รับศาลฯสั่ง TRUE-ทีโอที จ่ายค่าเชื่อมโครงข่ายฯ 2.5 พันลบ.

DTAC ดีดบวก 2% รับศาลฯสั่ง TRUE-TOT จ่ายค่าเชื่อมโครงข่ายฯ 2.5 พันลบ. ล่าสุด ณ เวลา 11.04 น. อยู่ที่ระดับ 44 บาท ปรับตัวขึ้น 1 บาท หรือ 2.33% สูงสุดที่ระดับ 44 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 43.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 71.21 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ล่าสุด ณ เวลา 11.04 น. อยู่ที่ระดับ 44 บาท ปรับตัวขึ้น 1 บาท หรือ 2.33% สูงสุดที่ระดับ 44 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 43.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 71.21 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น DTAC ปรับตัวขึ้นในวันนี้หลังจากศาลปกครองกลางพิพากษาให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ชำระค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมแก่ DTACรวมมูลค่า 2.5 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ศาลปกครองกลางพิพากษาให้บมจ. ทีโอที (TOT) และบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ชำระค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมแก่ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) รวมมูลค่า 2.5 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยประเมินข่าวดังกล่าวเป็น ประเด็นบวกต่อ DTAC ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามมูลค่าที่คาดได้รับราว 2.5 พันล้านบาท จะคิดเป็นราว 1.1 บาท/หุ้น (ประมาณ 2.5% ของราคาหุ้น DTAC ปัจจุบัน 43 บาท)

สำหรับในทางตรงข้าม ประเมินเป็นประเด็นลบกับ TRUE โดยกรณีเลวร้ายที่สุด หากอิงจากมูลค่าที่ TRUE ต้องจ่ายราว 1.83 พันล้านบาท จะกระทบต่อมูลค่าพื้นฐานต่อหุ้นราว 0.05 บาท/หุ้น  (ประมาณ 1% ของราคาหุ้น TRUE ล่าสุด 5.15 บาท)  อย่างไรก็ดี คำตัดสินดังกล่าวยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด โดยทั้ง TRUE และ TOT สามารถอุทธรณ์คำตัดสินต่อศาลปกครองสูงสุดได้ เบื้องต้น จึงข้อพิพาทดังกล่าวคาดใช้ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะได้ข้อสรุป ดังนั้น คำตัดสินของศาลปกครองกลางข้างต้นจึงยังไม่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานของ DTAC และ TRUE แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ตามความเป็นมาของข้อพิพาทเกิดจากมุมมองที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้ประกอบการโทรศัพท์พื้นฐานและเคลื่อนที่เกี่ยวกับการจ่ายชำระค่าใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม (IC) ระหว่างกัน ทำให้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 DTAC ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ TRUE และ TOT ร่วมกันชำระค่าใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553

สำหรับโมเมนตัมกำไรปกติงวดไตรมาส 4/61 ของกลุ่ม ICT คาดยังอ่อนตัวจากปีก่อนเพราะถูกฉุดจากโปรโมชั่น unlimited plan ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ทั้งนี้ แม้ ADVANC เริ่มหยุดรับสมัครแพคเกจที่มีราคาต่ำออกแล้วตั้งแต่ ส.ค.61 แต่คาดจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-4 ไตรมาส จึงจะเห็นรายได้ให้บริการมือถือ ADVANC กลับมาโต 3-5% และคาดเป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มกำไรของ ADVANC, บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และกลุ่มผู้ให้บริการมือถือในไตรมาส 4/61 ยังหดตัวจากปีก่อนแต่เทียบกับไตรมาสก่อนคาดกำไรกลุ่มมือถือจะฟื้นตัวได้จาก 1) seasonal และ 2) ปัจจัยเฉพาะตัวของ DTAC และ TRUE โดย DTAC จะได้อานิสงส์จากการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ช่วยประหยัดค่าตัดจำหน่ายลงไตรมาสละ 4 พันล้านบาท ทำให้คาดผลการดำเนินงานของ DTAC ในไตรมาส 4/61 พลิกกลับมามีกำไรปกติ 1.4 พันล้านบาท จากขาดทุน 37 ล้านบาท ในไตรมาส 3/61 ในขณะที่ TRUE คาดกำไรปกติจะโตในอัตราเร่งตามรายได้ให้บริการที่โตดีสูงในกลุ่มและการคุมรายจ่ายดำเนินงานที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง

พร้อมคงน้ำหนักลงทุน “NEUTRAL” กลุ่มมือถือ โดยคาดระยะสั้น แนวโน้มผลการดำเนินงานกลุ่มจะไม่เด่น เพราะถูกฉุดจากผลกระทบ unlimited plan ของ ADVANC  อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถในการทำกำไรของ DTAC และ TRUE ที่จะดีขึ้นมากในไตรมาส 4/61 ถึงปีหน้า ดังนั้น จึงเลือก DTAC (ให้ราคาเป้าหมาย 57 บาท) และ TRUE (ให้ราคาเป้าหมาย 7.8 บาท) ตามโมเมนตั้มกำไรปกติปี 62 ที่จะฟื้นตัวก้าวกระโดดกว่า 33% และ 51% ตามลำดับ

 

Back to top button