พาราสาวะถี

ขึ้นชื่อว่าการเมืองโดยเฉพาะยิ่งเป็นช่วงใกล้เทศกาลเลือกตั้ง ทุกประเด็นสามารถนำไปขยายผลได้ทั้งสิ้น แล้วกรณี “ยุติธรรมแบบป้อม ๆ” ที่ ทักษิณ ชินวัตร สาดเข้าใส่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ถูกตอบโต้ด้วยท่วงทำนองที่ดุเด็ดเผ็ดมันสะท้อนอารมณ์เดือดของผู้ถูกพาดพิงได้เป็นอย่างดี เมื่อบิ๊กป้อมบอกว่า “ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ ไปถามมันเอง”


อรชุน

ขึ้นชื่อว่าการเมืองโดยเฉพาะยิ่งเป็นช่วงใกล้เทศกาลเลือกตั้ง ทุกประเด็นสามารถนำไปขยายผลได้ทั้งสิ้น แล้วกรณี “ยุติธรรมแบบป้อม ๆ” ที่ ทักษิณ ชินวัตร สาดเข้าใส่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ถูกตอบโต้ด้วยท่วงทำนองที่ดุเด็ดเผ็ดมันสะท้อนอารมณ์เดือดของผู้ถูกพาดพิงได้เป็นอย่างดี เมื่อบิ๊กป้อมบอกว่า “ก็ไปถามไอ้ทักษิณมันสิ ไปถามมันเอง”

ภาษาที่ใช้เมื่อย้อนกลับไปดูยังฐานานุรูปของผู้พูด หากพูดคุยในวงของเพื่อนฝูงนายทหารใหญ่หรือผู้ใต้บังคับบัญชา อาจไม่ใช่เรื่องหยาบคาย แต่พอเป็นการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คำที่ใช้ ภาษาที่สื่อถือเป็นความกักขฬะ เข้าทำนองสำเนียงส่อภาษาในทันที

ยิ่งใกล้งานวันเด็กแห่งชาติ ผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้บริหารในรัฐบาลจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน ท่าทีเช่นนี้ของบิ๊กป้อมจึงไม่น่าจะเป็นผลดี แต่คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตที่ถึงขั้นจะต้องเล่นกันให้ตาย ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่บรรลุในแง่ของการระงับอารมณ์โกรธ (ในระดับหนึ่ง) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงต้องสะกิดพี่ใหญ่ให้ระวังท่าทีในลักษณะเช่นนี้ และรู้จักเย็นให้พอบ้าง

อย่างไรก็ตาม หลายคนพอจะเข้าใจและก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ในเมื่อเป็นพวกไก่เห็นตีนงู จะตอบโต้ด้วยเรื่องหนึ่งเรื่องใดก็เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายโต้กลับแล้วจะวกเข้าตัวทำให้บานปลายไปกันใหญ่ ใช้กิริยาและคำพูดแบบนักเลงโตทีเดียวแล้วให้ทุกอย่างจบ จึงน่าจะดีกว่า แต่คงต้องดูต่อว่า คนแดนไกลจะมีไม้เด็ดอะไรที่ใช้นวดผู้จัดการรัฐบาลเผด็จการให้โมโหได้อีก

ขณะที่คู่ขัดแย้งโดยตรงสองฝ่ายตั้งป้อมรอตอบโต้กันไปมา ฝ่ายเสี้ยมจนทำให้เผด็จการชูคออยู่ทุกวันนี้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็อาศัยจังหวะนี้ตีกินแบบนิ่ม ๆ ทั้ง บุญยอด สุขถิ่นไทย และ วิรัตน์ กัลยาศิริ ต่างพูดในทำนองว่า คนหนีคดีแต่มีการให้ค่า กล่าวหาผู้มีอำนาจและเป็นประเด็นข่าวได้อย่างสบายใจ พร้อม ๆ กับประเด็นพาทักษิณกลับบ้านจะสร้างความแตกแยกให้กลับมาอีก

เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายอยู่แล้วสำหรับการเดินเกมของคนพรรคเก่าแก่ เพราะหากพิจารณาจากกระแสที่จะนำไปสู่การชี้วัดผลการเลือกตั้ง ต้องยอมรับความจริงว่า ด้วยแนวทางที่ถูกชี้ว่าการหย่อนบัตรที่จะเกิดขึ้น จะเป็นการต่อสู้กันของฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการ หรือระหว่างฟากถือหางทักษิณกับยืนข้างประยุทธ์ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะถูกมองข้ามไปในทันที

ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำทุกทางเพื่อให้พรรคไม่ถูกลืม และต้องสร้างทางเลือกที่ 3 เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกยัดเยียดให้ไปยืนอยู่ฝ่ายเผด็จการ ซึ่งเมื่อมองไปยังสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดและประชาชนที่อยากจะเลือกตั้งต้องการแสดงพลังแบบไหน ก็พอจะมองเห็นทิศทางของพรรคเก่าแก่แล้วว่า ปลายทางหลังเลือกตั้งนั้นจะจบลงอย่างไร

ทางด้านผู้มีอำนาจ ด้วยเงื่อนเวลาที่ยิ่งนานวันความชัดเจนเรื่องเลือกตั้งยังไม่เกิด ก็เท่ากับต้นทุนความน่าเชื่อถือถูกกลืนกินไปเรื่อย ๆ ด้วยข้อกล่าวหา “เขาอยากอยู่ยาว” ยังเป็นชนักปักหลังอยู่ ในภาวะที่ผู้คนโดยเฉพาะคนจนจะอดตายกันหมดแล้ว ไม่ได้เป็นผลดีใด ๆ ต่อองคาพยพของเผด็จการทั้งสิ้น ดังนั้น จึงต้องรีบหาทางลง โดยที่ตัวเองยังคงความได้เปรียบทุกประตู

จากโจทย์การแข่งขันแบบไม่แฟร์นี่เอง ที่เป็นปัจจัยสร้างความอึดอัดให้กับผู้คุมกติกา เพราะในฐานะองค์กรอิสระที่ต้นทุนความน่าเชื่อถือต่ำอยู่แล้ว ยิ่งออกลูกยึกยัก ใช้ท่าทีนิ่มนวลแก้ตัวไปวัน ๆ มันยิ่งบั่นทอนความศรัทธาจากประชาชนลงไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่า เมื่อบวกเข้ากับกติกาที่คลอดออกมาแล้วว่า หาความยุติธรรมหรือโปร่งใสไม่ได้ ยิ่งจะไปกันใหญ่

ถ้าหากข้อมูลที่ จาตุรนต์ ฉายแสง ปูดออกมาว่าฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยรักษาชาติ พบว่าในระเบียบของกกต.เกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์ ระบุไว้เหมือนกับไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งการแสดงความคิดเห็น การถ่ายรูป เป็นจริง นั่นก็เท่ากับว่าเป็นความพยายามในการที่จะปกปิดกระบวนการอันเกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยหวังผลอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่

การเขียนกติกาเช่นนี้เท่ากับไม่ให้มีผู้สังเกตการณ์ไปโดยปริยาย หรือนี่เป็นข้อแนะนำมาจากเนติบริกร หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะเอวังกันสำหรับประเทศไทย ความเชื่อถือเชื่อมั่นจากต่างชาติที่หวังจะให้เกิดคงเป็นไปได้ยาก และก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า ถ้าการเลือกตั้งที่นานาชาติไม่ให้การรับรอง เพราะมีการสกัดกั้นผู้สังเกตการณ์นานาชาติซึ่งเป็นที่ยอมรับ ผลที่จะตามมาจะเป็นอย่างไร

ไม่เฉพาะฝ่ายการเมืองเท่านั้นที่แสดงความกังวล โพสต์ล่าสุดจากเฟซบุ๊กของ อาทิตย์ อุไรรัตน์ บุคคลผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย ก็ชวนให้คิดกันอยู่ไม่น้อย เพราะทุกถ้อยคำมันล้วนทำให้เห็นถึงขบวนการสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้งและสร้างความเสียหายให้กับการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศทั้งสิ้น

การเลือกตั้งน้ำเน่าของมาเฟีย แต่ละซุ้มแย่งดูดซื้อตัวมือปืนกันจ้าละหวั่น งัดกลเม็ดเด็ดพรายกลโกงทุกวิถีทางมาห้ำหั่นกัน กลั่นแกล้งฆ่าฟันกันให้บรรลัย ซุ้มใดมีอำนาจรัฐก็คุ้ยหาคดีมาลงโทษกำจัดคู่ต่อสู้ สั่งกรรมการให้จับผิดลงโทษคู่แข่งให้พ่ายแพ้ทุกวิถีทาง เอาผิดแม้กระทั่งไอจามในขณะเลือกตั้งก็ผิดได้ แต่ฝ่ายตนเองแม้หมาจะเห่าหอนอย่างไร ก็ให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย

ใช้พลังกระสุนให้เหนือกระแส กระสุนมีล้นหลามไม่ต้องห่วง ได้มาจากทั้งใต้โต๊ะ เจ้าสัวและชักหัวคิวมา ที่ได้จากจัดโต๊ะจีนแค่น้ำจิ้ม ประชาชนทั่วไปก็ได้แต่มองดูตาปริบ ๆ ได้กินเศษเนื้อที่เขาคายทิ้งแล้วเท่านั้น แล้วอย่างนี้หรือที่เรียกว่าการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน แทบจะไม่ต้องขยายความอะไรต่อ เพราะทั้งหมดนั้นฉายให้เห็นภาพแล้วว่า การปฏิรูปที่เอ่ยอ้างกันมานั้น แท้จริงแล้วเพื่อให้ประเทศเดินหน้า หรือเพื่อให้บางคนบางพวกได้เสพอำนาจที่หลงระเริงต่อกันแน่

Back to top button