SPORT วิ่งชนซิลลิ่ง! ผู้บริหารเปิดแผนลดต้นทุนปั้นผลงานปี 63 เทิร์นอะราวด์

SPORT วิ่งชนซิลลิ่ง! ผู้บริหารเปิดแผนลดต้นทุนปั้นผลงานปี 63 เทิร์นอะราวด์ ล่าสุด ณ เวลา 16.09 น. อยู่ที่ระดับ 0.18 บาท ปรับตัวขึ้น 0.04 บาท หรือ 28.57% สูงสุดที่ระดับ 0.18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.14 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.05 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SPORT ล่าสุด ณ เวลา 16.09 น. อยู่ที่ระดับ 0.18 บาท ปรับตัวขึ้น 0.04 บาท หรือ 28.57% สูงสุดที่ระดับ 0.18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.14 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.05 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดของวัน (Ceiling) ที่ระดับ 0.18 บาท

โดย นายสรายุทธ  มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท (SPORT) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น SPORT วันนี้วิ่งขึ้นชนซิลลิ่ง ซึ่งยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่หากมองที่ผลประกอบการของบริษัทในปี 2561 ก็เรียกได้ว่าดีขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าจะขาดทุนลดลงจากปี 2560 ที่ขาดทุนสุทธิ 200 ล้านบาท และในปี 2562 บริษัทก็ตั้งเป้าหมายที่จะพยายามให้ผลประกอบการไม่ติดลบ โดยบริษัทยังคงลุยเรื่องกีฬา (Sport) ด้วยการรุกธุรกิจดิจิทัลในด้าน Sport เพื่อเพิ่มรายได้ และจะทำ E-commerce รวมถึงจะมีการทำทัวร์พาไปดูฟุตบอล

นอกจากนี้ยังคงขยายธุรกิจในด้านโลจิสติกส์ให้มากขึ้น เนื่องจากทางบริษัทมีรถที่ใช้สำหรับขนส่งหนังสือพิมพ์อยู่แล้ว ก็เพิ่มช่องทางในการรับจ้างขนสินค้าให้ลูกค้าไปด้วย และยังจะคิดสินค้าใหม่ๆ ออกมาที่สัมพันธ์กับการกีฬา

“ตอนนี้ราคาหุ้น SPORT อยู่แถว 0.18 บาท/หุ้น ก็มองว่าอยู่ในระดับที่ต่ำไป แต่ก็อาจเป็นไปตามผลประกอบการของบริษัทที่ติดลบมา 4 ปีแล้ว เพราะมันเป็นขาลงของธุรกิจ ราคาหุ้นก็คงจะลงสะท้อนธุรกิจ…มีเดียมันอยู่ได้ด้วยโฆษณา แต่ทุกวันนี้โฆษณามันมีอยู่น้อยมากแค่ปีละ 80 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีโฆษณาปีละ 200-300 ล้านบาท เมื่อโฆษณามันหายไป ธุรกิจมีเดียก็ขาดทุน ตอนนี้หลายเจ้าก็เผชิญปัญหากันทั่วหน้า” นายสรายุทธ กล่าว

โดยกรรมการผู้จัดการ SPORT กล่าวว่า ในปี 2563 บริษัทก็คาดหวังว่าจะสามารถทำให้ผลประกอบการพลิกเป็นกำไรได้ หลังจากที่ได้มีการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงลดจำนวนคนด้วย และในปี 2563 ก็จะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์ และมีฟุตบอลยูโร ก็น่าจะทำให้รายได้ของบริษัทดีขึ้นได้ รวมถึงธุรกิจดิจิทัลก็จะดีขึ้นด้วย

สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนมากว่า 50 ล้านบาท บริษัทก็นำไปใช้ในการชำระหนี้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่าคงจะยังไม่สามารถทำให้ตลาดหลักทรัพย์ปลดเครื่องหมาย C ได้ เพราะส่วนของผู้ถือหุ้นยังไม่มากกว่า 50% คงจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี การเพิ่มทุนก็แค่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ติดลบเท่านั้น

 

Back to top button