TKT พุ่งกระฉูด 28% นิวไฮรอบ 3 เดือน ลุ้นผลงานปีนี้พลิกกำไร หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 200 ลบ.

TKT พุ่งกระฉูด 28% นิวไฮรอบ 3 เดือน ลุ้นผลงานปีนี้พลิกกำไร หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 200 ลบ. โดย ณ เวลา 16.01 น. ราคาอยู่ที่ 1.69 บาท บวก 0.37 บาท หรือ 28.03% สูงสุดที่ 1.71 บาท ต่ำสุดที่ 1.32 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 40.45 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT ณ เวลา 16.01 น. ราคาอยู่ที่ 1.69 บาท บวก 0.37 บาท หรือ 28.03% สูงสุดที่ 1.71 บาท ต่ำสุดที่ 1.32 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 40.45 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.71 บาท เมื่อวันที่ 19 ต.ค.61

นายปรีชา เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ TKT เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.61 ว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 62 มีโอกาสพลิกทำกำไรได้ ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโต 15% หรือไม่ต่ำกว่า 1.3 พันล้านบาท และเติบโตใกล้เคียงปี 57 ที่มีรายได้ 1.6 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.45 ล้านบาท เป็นไปตามแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะยอดการผลิตรถยนต์จะเติบโตราว 3-5% จากปีนี้คาดอยู่ที่ 2.1 ล้านคัน โดยปัจจุบันเริ่มมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากลูกค้ารายใหญ่มากขึ้น

โดยบริษัทมองว่าผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือ (backlog) มูลค่าราว 200 ล้านบาท คาดว่าสามารถทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ในปี 62 ราว 140-150 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะรับรู้ได้ทั้งหมดภายในปี 63 ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากงานฉีดและพ่นสีส่วนพลาสติก 90% และจากงานออกแบบและทำแม่พิมพ์ 10%

ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการบริหารจัดการบุคลากรในธุรกิจงานฉีดและพ่นสีส่วนพลาสติกให้มีการเรียนรู้และความเชี่ยวชาญมากขึ้น และมีความผิดพลาดน้อยลง ทำให้อัตรามีการผลิตเสียลดลง ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังให้ธุรกิจดังกล่าวสามารถสร้างผลประกอบการเป็นบวกและสามารถทำกำไรมากขึ้นในปีหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนเครื่องจักรที่สามารถผลิตชิ้นส่วนพลาสติกเพิ่มมูลค่าเข้ามาจำนวน 2 เครื่อง มูลค่า 27 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบการผลิต คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพภายในต้นปี 62 โดยมองว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตในปีหน้าสูงกว่า 70% จากปัจจุบัน 67%

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในปี 61 คาดว่าจะยังไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมายังมีงานที่ออกมามีผลผลิตที่เสียหายจำนวนมาก เนื่องจากเพิ่งมีการเริ่มดำเนินการปรับปรุงบุคลากรให้มีมาตรฐานมากขึ้น แต่เชื่อว่าผลประกอบการจะขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

“เรายังไม่สามารถสร้างผลประกอบการให้เกิดกำไรได้ในปีนี้ ซึ่งผมและทีมงานทุกคนตระหนักในความเร่งด่วนและพวกเราได้พยายามอย่างเต็มที่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงจุดนี้ เรามีความมั่นใจว่าปีหน้าเป็นปีที่ดีของเราและเราจะมีการพัฒนาที่สำคัญเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตยั่งยืนให้กับองค์กรเราต่อไป” นายปรีชา กล่าว

 

Back to top button