AUCT บวก 4% นิวไฮรอบ 2 เดือน โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เคาะเป้า 7.60 บ. เก็งผลงานปี 61 สดใส

AUCT บวก 4% นิวไฮรอบ 2 เดือน โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้า 7.60 บ. เก็งผลงานปี 61 สดใส โดย ณ เวลา 15.51 น. ราคาอยู่ที่ 5.75 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.60% สูงสุดที่ 5.85 บาท ต่ำสุดที่ 5.45 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 11.33 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT ณ เวลา 15.51 น. ราคาอยู่ที่ 5.75 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.60% สูงสุดที่ 5.85 บาท ต่ำสุดที่ 5.45 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 11.33 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.75 บาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.61

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ม.ค.) แนะนำ “ซื้อ” AUCT ราคาเป้าหมาย 7.60 บาท/หุ้น โดยกำไร 9 เดือน ปี 2561 เท่ากับ 119.5 ลบ. เติบโต 54.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ผลการดำเนินงานเติบโตตามยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ 9 เดือน ปี 2561 เพิ่มขึ้น 20.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (Figure1) ประกอบกับแนวโน้ม NPLs ที่ปรับตัวสูงขึ้น (Figure2) ส่งผลให้สถาบันการเงินยึดรถและส่งเข้าสู่ตลาดการประมูลมากขึ้น

นอกจากนี้ การประชาสัมพันธ์ทาง Social Media เช่น Facebook ,Line ,Website และ Application บนโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้มีผู้เข้ามาประมูลเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ %GPM ยังปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.9% จาก 9M60 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.1% เนื่องจากการเติบโตของรายได้ ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ โดยกำไร 9 เดือน ปี 2561 เท่ากับ 119.5 ลบ. คิดเป็น 72.5% ของประมาณกำไรทั้งปี 61

อย่างไรก็ดี คงประมาณการกำไรไตรมาส 4/61 ราว 45.6 ลบ. เพิ่มขึ้น 72.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจาก ตามยอดขายรถใหม่ในประเทศซึ่งเดือน ต.ค-พ.ย.61 เติบโต 23.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (Figure1) แต่อาจหดตัว 8.5% จากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจรถมือสอง ที่จะชะลอการซื้อ-ขาย เพราะความกังวลว่ารถจะตกรุ่น

ขณะที่คงประมาณการรายได้ และกำไรปี 61 ราว 660.2 ลบ. เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ 165.2 ลบ. เพิ่มขึ้น 58.9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ตามลำดับ ด้วยสมมติฐาน %GPM และ %SG&A ราว 51.3% และ 20% ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นจากปี 60 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.0% และ 21.6% ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)

ทั้งนี้ ปรับประมาณการรายได้จาก 779.1 ลบ. ลงสู่ 739.5 ลบ. ลดลง 5.1% แต่ยังคงเติบโต 12% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และปรับประมาณการกำไรปี 62 จาก 195.9 ลบ. ลงสู่ 191.7 ลบ. ลดลง 2.1% แต่ยังคงเติบโต 16.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจาก เมื่อราวปลายปี 61 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายรถมือสอง ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น

โดยควบคุมเรื่องของการชำระเงิน การทำสัญญา การคืนเงินจองในกรณีที่ผู้บริโภคกู้เงินไม่ผ่าน ซึ่งจะมีการระบุเป็นสัญญาไว้ชัดเจน พร้อมกับระบุแนวทางที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษ ซึ่งจากมาตรการดังกล่าวทำให้การธุรกรรมการซื้อขายมีระยะเวลายาวนานขึ้นจาก 30 วัน เป็น 45 วัน อย่างไรก็ตาม ผบห.ให้ความมั่นใจว่า ประเด็นดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ยังคงสมมติฐาน %GPM ที่ราว 51.3% แต่ปรับคาดการณ์ %SG&A ลดลงจากราว 20% ลงสู่ 19% เนื่องจากปี 62 บริษัทฯจะเน้นกลยุทธ์การบริหารภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตาม ประเมินราคาเหมาะสมซึ่งอิง Prospective PE ที่ 21.74x (-1.5SD) ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 25x เนื่องจากมองว่าปี 62 เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า (โดยธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจไทยปี 62 โตเพียงราว 3.8%) ขณะที่เราคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 0.35 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 62 เท่ากับ 7.6 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button