ดักเก็บ CBG โบรกฯอัพกำไรปี 61-62-ปรับราคาเป้าใหม่ 55 บ. ขานรับยอดขายในเมียนมา-กัมพูชาโต

ดักเก็บ CBG โบรกฯอัพกำไรปี 61-62 พ่วงปรับราคาเป้าใหม่ 55 บ. ขานรับยอดขายในเมียนมา-กัมพูชาโต พร้อมคาดกำไรปี 62 อยู่ที่ระดับ 2.3 พันลบ.


นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ กำหนดแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CBG โดยประเมินว่าผลการดำเนินงานของ CBG มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาด อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าถูกมากเนื่องจากตลาดอาจประเมินมูลค่าของ ICUK ในแง่ลบมากเกินไป ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 3% ในปี 2561 และ 15% ในปี 2562 รวมถึงปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2562 มาอยู่ที่ 55 บาท

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่า CBG จะรับรู้ผลขาดทุนจาก ICUK ลดลงจาก 1 พันล้านบาทในปี 2562 มาอยู่ที่ 600 ล้านบาทในปี 2566 ซึ่งคิดเป็นขาดทุนสะสมระยะเวลา 5 ปีที่ 3.8 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามทางฝ่ายไม่คิดว่าผลขาดทุนของ ICUK จะกินกำไรของ CBG นานขนาดนั้นเนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่า CBG จะหาทางออกซึ่งเป็นไปได้ 2 ทางดังนี้

1.ปิดกิจการ ICUK หากมองว่าไม่มีโอกาสฟื้นตัว หรือ 2.ขายกิจการให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นหากผลการดำเนินงานมีสัญญาณของการฟื้นตัว เราคิดว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการออกคือก่อนที่การสปอนเซอร์ฟุตบอลทั้งหมดจะหมดอายุในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งหมายความว่า CBG อาจจะรับรู้ผลขาดทุนจาก ICUK ไปอีก 3 ปี ซึ่งผลขาดทุนสะสมช่วงปี 2562-2564 น่าจะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท

ดังนั้นในการประเมินมูลค่าหุ้น ทางฝ่ายใช้กำไรของ CBG ที่ไม่รวม ICUK แล้วคิดที่ PER 25 เท่าแล้วจึงหักด้วยการคิดลดกระแสเงินสดของ ICUK ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งจะได้มูลค่าของ CBG ที่ 55 บาท ณ สิ้นปี 2562

 

อย่างไรก็ตาม CBG รายงานกำไรหดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาติดต่อกัน 5 ไตรมาส โดยกำไรของ CBG น่าจะกลับมาเติบโตได้ในไตรมาส 4/61 อย่างไรก็ดี การเติบโตจากฐานต่ำเพียงอย่างเดียวไม่ใช่เหตุผลที่กลับมาทบทวนการวิเคราะห์อีกครั้ง แต่เห็นผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยกลับมาเติบโตจากปีก่อนตั้งแต่ไตรมาส 4/61

ขณะที่ยอดขายส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาและเมียนมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดอัตรากำไรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นและต้นทุนน้ำตาล เศษแก้ว และพลังงานที่ลดลง

นอกจากนี้การประหยัดต้นทุนจากโรงงานกระป๋องอลูมิเนียมจะหนุนอัตรากำไรให้ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้คาด CBG จะรายงานกำไรเติบโตที่ 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 4/61 และอยู่ในระดับ 30-40% จากปีก่อนในระหว่างไตรมาส 1/62-2/62

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน CBG ซื้อขายที่ PER ที่ 31.1 เท่า ซึ่งดูแพงเมื่อเทียบกับ 22.8 เท่าของ OSP เนื่องจากกำไรของ CBG ถูกฉุดลงด้วยผลขาดทุนของ ICUK ที่ CBG ถือหุ้นอยู่ 84.3% ทางฝ่ายวิจัยคาดส่วนแบ่งขาดทุนจาก ICUK อยู่ที่ 1 พันล้านบาทในปี 2562 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่จะปรับลดผลขาดทุนมาอยู่ที่ 400 ล้านบาท (จาก 1.1 พันล้านบาทในปี 2561) ด้วยวิธีการปรับลดต้นทุนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาด

ทั้งนี้หากไม่รวม ICUK กำไรของ CBG จะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาทในปี 2562 ซึ่งคิดเป็น PER เพียง 17 เท่า ดังนั้นเพื่อหามูลค่าตลาดของ ICUK จึงเทียบ PER ของ CBG ที่ไม่รวม ICUK กับ OSP ซึ่งได้มูลค่าเท่ากับ 5.2 หมื่นล้านบาท เทียบกับมูลค่าตลาด CBG ที่ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมายความว่าตลาดมองมูลค่าสัดส่วนการถือหุ้น ICUK ของ CBG ที่ติดลบ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคิดว่าตลาดมองในแง่ลบมากเกินไป

Back to top button