8 หุ้นเด่น รับท่องเที่ยวฟื้น

สถานการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณในทางที่ดีขึ้น นับตั้งแต่เข้าช่วงปี 2562 สืบเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวในประเทศไทยอย่างคึกคักตามปกติ หลังจากเงียบเหงาในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา


เส้นทางนักลงทุน

สถานการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณในทางที่ดีขึ้น นับตั้งแต่เข้าช่วงปี 2562 สืบเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวในประเทศไทยอย่างคึกคักตามปกติ หลังจากเงียบเหงาในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คาดว่าการท่องเที่ยวช่วงไตรมาส 1 ปี 2562 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 7% ทั้งจำนวนและรายได้

ขณะที่ทั้งปี 2562 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 40 – 41 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวจะโต 10% หรือประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท โดยอันดับ 1 ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์กลับมาสู่ปกติแล้ว

โดยคาดว่าในปีนี้มีโอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะสูงถึง 11 ล้านคน เนื่องจากเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาในประเทศไทยแล้ว 1,050,000 คน สร้างยอดการใช้จ่ายประมาณ 24,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวจากอินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และยุโรป ตามลำดับ

ขณะเดียวกันตั้งแต่มีมาตรการต่อ VOA (Visa on Arrival) นักท่องเที่ยวให้การตอบรับดีมาก ซึ่งล่าสุดมีการต่ออายุมาตรการไปจนถึงเดือนเมษายน 2562 ถือว่ามีส่วนกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างมาก

ผลดังกล่าวส่งผลบวกต่อหลักทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างกลุ่มการบิน กลุ่มโรงแรม กลุ่มอาหาร และกลุ่มความสวยความงาม เป็นต้น

ดั้งนั้นบริษัทที่คาดจะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมาเป็นปกติ อาทิ AOT, AAV, MINT, ERW, CENTEL, SPA, BEAUTY และ DDD เป็นต้น

ประกอบกับหุ้นดังกล่าวนักวิเคราะห์ยังคงแนะนำซื้อต่อเนื่อง

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT มีการคาดการณ์กำไรหลักทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 2/2562 (เดือน ม.ค. – มี.ค.) เนื่องจากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทยและการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย (หลังจากชะลอตัวจากอุบัติเหตุเรือล่มในเดือน ก.ค. 2561)

ประกอบกับประมาณการเบื้องต้นว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 จะเติบโตแบบก้าวกระโดดจากไตรมาสก่อน ที่ 15 – 20% และเติบโตเป็นเพียงเลขหลักเดียวจากงวดเดียวกันของปีก่อน การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารต่างชาติในเดือน ม.ค. – มี.ค. ปี 2562 คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่า 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรหลักจะขยายตัวทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหนุนโดยการขยายตัวของรายได้

มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มการท่องเที่ยวไทยในปี 2562 “ปีแห่งการฟื้นตัว” ดังนั้นชื่นชอบ AOT จากการเป็นผู้ได้รับประโยชน์ต้นน้ำจากการท่องเที่ยวมากที่สุดซึ่งควรค่ากับการปรับเพิ่มมูลค่าหุ้น ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขาย ปี 2562 PER ที่ 35.3 เท่า ต่ำกว่าช่วงที่ดีที่สุดของระดับกำไรในช่วงไฮซีซั่นที่ 39 เท่า ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จนถึงเดือน ก.ย. ปี 2562 ราคาเป้าหมายที่ 80 บาท

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งคาดจะกลับมาสดใสโดยประเมินกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 885 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาก 225% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จาก 1) จำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะปรับขึ้น 9% เป็น 23.5 ล้านคน, 2) Load Factor ดีขึ้นเป็น 86% จากปีก่อนที่ 85%, 3) ค่าตั๋วโดยสารเฉลี่ยจะปรับขึ้นราว 2% และ 4) ต้นทุนราคาน้ำมันเฉลี่ยลดลงราว 6% สำหรับผลการดำเนินงาน 1Q19 จะพลิกมามีกำไร และเติบโต QoQ ได้โดดเด่น จากภาพรวมนักท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวอินเดียที่ยังมีโมเมนตัมเติบโตแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค. 2562 ประเมิน Load Factor อยู่ที่ 90% กลับมาใกล้เคียงกับปีก่อน ดีขึ้นจากในไตรมาส 4/2561 ที่ Load Factor อยู่ที่ 86% ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2560 ที่ 88% รวมถึงไตรมาส 1/2562 ยังได้ผลบวกจากต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิไตรมาส 1/2562 เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน จะยังปรับตัวลดลงจากฐานกำไรที่สูงในปีก่อน แต่จะกลับมาเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 – ไตรมาส 4/2562 จากจำนวนผู้โดยสารที่จะกลับมาเติบโต โดยเฉพาะไตรมาส 3/2562 – ไตรมาส 4 ปี 2562 ที่จะเติบโตสูงจากปีก่อนที่ฐานต่ำ และต้นทุนราคาน้ำมันที่จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนด้วย

ด้วยจากผลการดำเนินงานจะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรได้ตามปกติ และรวมทั้งปี 2562 กำไรสุทธิจะเติบโตได้โดดเด่น ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จึงมองเป็นโอกาสในการเข้า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5 บาท

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งคาดว่าการเติบโตของกำไรฟื้นตัวในปี 2562 โดยได้แรงหนุนจากโรงแรมไทย จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย โรงแรม Tivoli ในโปรตุเกสยังคงมี RevPar ที่สูงขึ้นหลังจากการปรับปรุงแล้วเสร็จ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญเนื่องจาก MINT จะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัย 3 โครงการในปีนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะฉุดการดำเนินงานของกลุ่มลง เนื่องจากการแข่งขันสูงในประเทศไทยและจีน ในขณะเดียวกัน NHH จะเสริมกำไรของ MINT ให้เติบโตอีก 8% ดังนั้นคาดว่ากำไรจะโต 20% ในปี 2562

ขณะเดียวกันมีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2562 – 2563 ลง 4 – 12% เพื่อสะท้อนการดำเนินงานที่อ่อนตัวในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และ AVC ในไตรมาส 4/2561 ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คงคำแนะนำ “ถือ” โดยราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 42 บาท พร้อมแนะนำให้นักลงทุนรอสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หรือเห็น Synergy ที่แข็งแกร่งระหว่าง MINT และ NHH ก่อนที่จะเพิ่มการลงทุนในหุ้น

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2562 จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งคิดเป็น 14% ของรายได้ทั้งหมด อัตราห้องพักของ JW Marriott คาดเพิ่มขึ้น 5-10% หลังจากมีการตกแต่งห้องใหม่คิดเป็นสัดส่วน 70% โดยส่วนที่เหลืออีก 30% ของห้องจะเริ่มทำการปรับปรุงใหม่ในไตรมาส 2/2562-ไตรมาส 3/2562

นอกจากนี้โรงแรงโนโวเทลและไอบิสสไตล์คาดจะทำกำไรได้ในปีนี้หลังจากที่ได้เพิ่มอัตรา OCC เป็น 60% ในช่วงสามเดือนแรกของการดำเนินงานในปี 2562 ERW มีแผนเปิดโรงแรมอีก 9 แห่ง (โรงแรมขนาดกลาง 2 แห่งและ Hop Inn อีก 7 แห่ง) ซึ่งจะเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของ ERW เป็น 70 โรงแรม ดังนั้นจึงคาดการณ์รายได้จะเพิ่มขึ้น 10% และกำไรจะโต 22% ในปี 2562

ถือว่า ERW ได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากโรงแรมในประเทศไทย ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9 บาท

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ซึ่งคาดจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 8% ในปี 2562 – 2563 มาจากการยกเว้นค่าธรรมเนียวีซ่าขาเข้า การจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้นหลังเลือกตั้ง และเชื่อว่าความกังวลส่วนใหญ่รวมถึงผลกระทบจากการปรับปรุงโรงแรมสองแห่ง ได้รับรู้เข้าไปในราคาหุ้นแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายในระดับที่น่าสนใจ ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 57 บาท

บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของสถิตินักท่องเที่ยวจีนเพราะบริษัทมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนในสัดส่วนที่สูง และคาดว่า SPA จะยังมีกำไรต่อหุ้นเติบโตแข็งแกร่งถึงปี 2563 นำโดยการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพและฐานลูกค้าที่กระจายตัวมากขึ้น ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส – ซีไอเอ็มบี คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมาย 15.70 บาท

บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดขายเครื่องสำอางจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอิงกับนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ประกอบกับคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มตัวในไตรมาส 2/2562 ตามการฟื้นตัวของลูกค้าจีนที่จะกลับมาไทย นอกจากนี้ภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปี 2562 ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความงาม สุขภาพและผิวพรรณต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ ดังนั้นทางนักวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.30 บาท

บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดขายเครื่องสำอางจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอิงกับนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มองว่าผลประกอบการ DDD จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จาก 1) รายได้ในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่งผลให้การบริโภคในประเทศที่ขยายตัว คาดว่ารายได้จาก Traditional trade จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลัง DDD ปรับกลยุทธ์ใหม่ และนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวโดยรัฐบาลได้ขยาย VoA ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2) รายได้ต่างประเทศขยายตัวโดดเด่นเพิ่มขึ้น 29% จากการได้ Local distributor เพิ่มเป็น 2 รายที่จีน คาดช่วยเพิ่มรายได้ในตลาดจีนทั้ง Mainstream และ CBEC เรายังมองว่าสินค้าที่เป็น packaging เก่าก่อนได้ CFDA ทาง Distributor ได้มีการเคลียร์สต๊อกสินค้าไปเรียบร้อยแล้ว คาดเริ่มกลับมาสั่งสินค้าใหม่ในไตรมาส 1/2562 ดังนั้นนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท

หลักทรัพย์ข้างต้นเป็นการคาดการณ์ว่าจะได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวขึ้น !!

Back to top button