VL พร้อมเทรด mai ระดมทุนขยายกองเรือ ชูความเสี่ยงต่ำไม่อิง BDI-ใช้กลยุทธ์ “Cost-Plus”

VL พร้อมเทรด mai ระดมทุนขยายกองเรือ ชูความเสี่ยงต่ำไม่อิงค่า BDI-ใช้กลยุทธ์ "Cost-Plus Pricing"


นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เปิดเผยว่า VL มีความพร้อมที่จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 280 ล้านหุ้น  แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย VL จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้

โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อลงทุนขยายกองเรือ โดยการจัดซื้อเรือดังกล่าวคาดว่าจะเป็นการต่อเรือใหม่ หรือการซื้อเรือมือสองเพื่อนำมาให้บริการเพิ่มปริมาณการขนส่งรวมต่อปีทั้งจากการเพิ่มปริมาณขนาดบรรจุขนส่งต่อเที่ยวเรือและเพิ่มจำนวนเที่ยวเรือ อย่างไรก็ตาม ยังต้องพิจารณาสถานการณ์ และสภาวะตลาดในขณะนั้นควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ยังจะนำเงินไปใช้ซ่อมบำรุงเรือตามแผนงาน รวมถึงชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ VL เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่ง ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ โดยเป็นการขนส่งทางทะเล ซึ่งสินค้าหลักแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเตา น้ำมันใส น้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันปาล์ม

อีกทั้งบริษัทมีการให้บริการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับบริษัทคู่ค้าที่ทำธุรกิจผู้ค้าน้ำมันเป็นหลักซึ่งต้องการผู้ให้บริการขนส่งทางเรือที่มีมาตรฐานสูง โดยในปัจจุบันบริษัทมีเรือเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั้งหมด 12 ลำ ซึ่งกองเรือมีอายุเฉลี่ยประมาณ 16 ปี ซึ่งติดอันดับ 3 ของประเทศ ประกอบกับยังมีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 35,081 เดทเวทตัน (DWT) และมีความสามารถในการบรรจุน้ำมันเพื่อขนส่งรวมอยู่ที่ 36,036 ลูกบาศก์เมตร

สำหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ในประเทศจะเป็นการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้กับคู่ค้าท่ทำธุรกิจผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ยกตัวอย่างเช่น บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบิรัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัทเซฟรอน (ไทย) จำกัด เป็นต้น

“VL ถือเป็นบริษัทฯที่มีความเสี่ยงในเรื่องของการแบกรับต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งรายอื่น เนื่องจากบริษัทมีการคิดค่าบริการกับลูกค้าโดยบวกต้นทุนตามค่าน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหรือลง (Cost-Plus Pricing) จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันไม่กระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัท ทำให้มาร์จิ้นของบริษัทค่อนข้างสูง นอกจากนี้ธุรกิจของบริษัทไม่ใช่เรือขนส่งสินค้าเทกองจึงไม่อิงกับดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ที่ค่อนข้างผันผวนเหมือนกลุ่มเดินเรืออื่นๆ” นางชุติภา กล่าว

อนึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ VL ในวันที่ 29 ม.ค.62 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Back to top button