ITEL โชว์แบ็กล็อก 6 พันลบ. มั่นใจดันรายได้ปี 62 โตแตะ 2 พันลบ.

ITEL โชว์แบ็กล็อก 6 พันลบ. มั่นใจดันรายได้ปี 62 โตแตะ 2 พันลบ.


นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,611.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.03% จากปี 2560 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,081.25 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 133.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.89% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 102.40 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/2561  มีรายได้รวมอยู่ที่ 329.48 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับงวดไตรมาส 4/2561 จำนวน 34.01 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 8.02%  เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2561 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ 75 จังหวัด รวมทั้งเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้า

ขณะเดียวกันโครงข่ายของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจด้วยคุณภาพของการให้บริการ ที่ SLA 99.99% ทำให้บริษัทยังคงมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการเติบโตตามปกติในทุกๆ ไตรมาส อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าในปีก่อนไว้ได้เนื่องมาจากประสิทธิภาพของโครงข่ายและเสถียรภาพของการให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นในตลาดทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับรายได้จากการให้บริการโครงข่ายในปี 2561 อยู่ที่ 682.70 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 31.98% จากปี 2560  มีรายได้ 517.28 ล้านบาท  ขณะที่รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายในปี 2561 เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 73.31% หรืออยู่ที่ 831.45 ล้านบาท จากปี 2560 อยู่ที่ 479.75 ล้านบาท

โดยบริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ และลูกค้ามีความมั่นใจในบริการของบริษัทฯ อยู่แล้ว โดยล่าสุดในช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ITEL ได้งานโครงการ USO เฟส 2 เพิ่มเติมเข้ามาอีกมูลค่ารวมกันกว่า 3,560 ล้านบาท เมื่อนำมารวมกับงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีในปัจจุบัน 2,500 ล้านบาท

ทำให้บริษัทมีงานในมือสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็น 6,060 ล้านบาท  มีผลทำให้ผลประกอบการในปี 2561 เติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้  อีกทั้งบริษัทยังมีงานอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูล อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการที่ดี และการรุกการให้บริการในทุกธุรกิจ สนับสนุนให้ผลงานปี 2561 มีการเติบโตสูงขึ้นมากกว่าแผนงานที่วางไว้

ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ทั้งปีเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 17.84% อันเนื่องมาจากฐานลูกค้าที่ใช้งานปี 2561 มีมากถึง 95% ทำให้รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ในปี 2561 อยู่ที่ 93.76 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 79.56 ล้านบาท ซึ่งยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ วางกลยุทธ์ในการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้บริการ พร้อมกับยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น นายณัฐนัย กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2562 จะเป็นปีที่เห็นบริษัท มีรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่าจะมีรายได้แตะระดับ 2,000 ล้านบาท ในส่วนของกำไรนั้นคาดว่าจากการมี Backlog สะสมอยู่มากพอสมควร คาดว่าจะทยอยรับรู้ได้ประมาณ 20-30 % ในปีนี้ จะทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้น มุ่งหน้าสู่เป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจให้บริการโครงข่ายที่ 40% ธุรกิจติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคมที่ 20% และธุรกิจศูนย์รับฝากข้อมูลที่ 45%

โดยการใช้งานโครงข่ายหลักที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 40% ในปี 2561 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% ในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตราส่วนกำไรอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มร้านอาหารและกลุ่มธุรกิจโรงแรม ในธุรกิจการให้บริการเชื่อมต่อข้อมูล (Data Service) ซึ่งล่าสุดได้ลูกค้า บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN และร้านอาหารในเครือ 5 แบรนด์ ที่มีการปรับปรุงระบบไอที พร้อมมีการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสาขา ในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มธุรกิจเหล่านี้มีการควบรวมกิจการและมีสาขาร้านอาหารมากขึ้นก็จะมีการปรับปรุงระบบไอทีเช่นเดียวกับกลุ่มโรงแรมผู้ประกอบการรายเล็กมีการรวมตัวกันเพื่อสู้กับรายใหญ่การเชื่อมต่อข้อมูลด้วยกันเป็นเหมือนเครื่องมือในการทำธุรกิจสำหรับส่วนของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาความร่วมมือกับบริษัทต่างชาติซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของธุรกิจ (Due Diligence) ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ากว่า 70-80%  คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 1/62 หรือต้นไตรมาส 2/62

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.057 บาท ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 57.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักสำรองตามกฎหมาย กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) 8 พฤษภาคม 2562  และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่  23 พฤษภาคม 2562 โดยเตรียมจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่  24 เมษายน 2562

Back to top button