FOCUS แบ็กดอร์มีเงินทอน

ด้วยที่ดินเพียง 12 ไร่เศษ ๆ ทำให้ “กลุ่มลิปตพัลลภ” กลายเป็นเจ้าของบริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS แถมมีเงินทอนติดมือกลับไปอีก 650 ล้านบาท ถือเป็นสุดยอดดีลการเข้าตลาดหุ้นทางประตูหลัง (Backdoor Listing) ที่เรียกว่า “แบ็กดอร์แบบมีเงินทอน” นั่นเอง


สำนักข่าวรัชดา

ด้วยที่ดินเพียง 12 ไร่เศษ ๆ ทำให้ “กลุ่มลิปตพัลลภ” กลายเป็นเจ้าของบริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS แถมมีเงินทอนติดมือกลับไปอีก 650 ล้านบาท ถือเป็นสุดยอดดีลการเข้าตลาดหุ้นทางประตูหลัง (Backdoor Listing) ที่เรียกว่า “แบ็กดอร์แบบมีเงินทอน” นั่นเอง

ดีลนี้เริ่มจากบอร์ด FOCUS มีมติซื้อที่ดิน 2 แปลง 12 ไร่ 3 งาน 58.3 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 1,325 ล้านบาท จากบริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด (7 ไร่ 2 งาน 48.8 ตารางวา) และบริษัท วานา นาวา จำกัด (5 ไร่ 1 งาน 9.5 ตารางวา)

เงื่อนไขการชำระค่าที่ดิน คือ 1) ชำระเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนมูลค่า 650 ล้านบาท ให้กับนายพสุ ลิปตพัลลภ และนางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ 2) ชำระด้วยเงิน (ผ่านการกู้ยืมสถาบันการเงิน) 650 ล้านบาท 3) ใช้กระแสเงินสด/ตั๋วสัญญาใช้เงิน 25 ล้านบาท

จากเงื่อนไขชำระเป็นหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จึงทำให้ “พสุ” และ “พราวพุธ” ลูกชายและลูกสาวของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีและนักการเมืองใหญ่เมืองโคราช  กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ FOCUS สัดส่วน 70.18% พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD แทน..!!

เท่านั้นไม่พอทั้ง 2 คนในฐานะเจ้าของบริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด และบริษัท วานา นาวา จำกัด ได้เงินใหญ่อีก 650 ล้านบาท เอาเป็นว่าที่ดินเพียง 12 ไร่ แลกได้ทั้ง “บริษัทในตลาด” และ “มีเงินทอน” ติดไม้ติดมือกลับอีกด้วย..!!

โอ้ว..พระเจ้าช่วยกล้วยแขก เกมนี้ “ลิปตพัลลภ” มาเหนือเมฆจริง ๆ..???

สำหรับผู้ถือหุ้นเดิม FOCUS แม้ดูเหมือนไม่มีทางเลือก..แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่ตัวเลขรายได้ที่ถดถอยจากปี 2558 รายได้เกือบ 500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.31 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้ 330 ล้านบาท กำไรสุทธิ 0.12 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ 150 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 45 ล้านบาท ปี 2561 รายได้ 114 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 41 ล้านบาท

เอาเป็นว่าหากไม่ทำอะไรเลย..หุ้น FOCUS คงไม่ต่างอะไรกับ “เต่าผอมเนื้อติดกระดอง” ที่นั่งรอวันตาย..!

การเข้ามาของ “กลุ่มลิปตพัลลภ” จึงเสมือนเข้ามาสร้างกล้ามเนื้อใหม่ให้ FOCUS และพ้นจากสภาพหุ้นรอวันตายได้อย่างมีนัยสำคัญ..

ส่วน “กลุ่มลิปตพัลลภ” การเข้าแบ็กดอร์ FOCUS ครั้งนี้ เป็นใบเบิกทางสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯและปูทางไปสู่การใช้เครื่องมือทางการเงินกว้างขึ้นด้วยต้นทุนต่ำลง เพื่อใช้ในการต่อยอดและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตัวเอง โดยที่ดิน 12 ไร่เศษฯ ที่ใส่เข้ามาใน FOCUS เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น..

ตัวอย่างความสำเร็จที่เห็นชัด ๆ นั่นคือกรณี “กลุ่มภิรมย์ภักดี” เข้าแบ็กดอร์บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA และเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S” ในปัจจุบันนั่นเอง..!

ทว่า..“กลุ่มลิปตพัลลภ” จะประสบความสำเร็จ เฉกเช่น “กลุ่มภิรมย์ภักดี” หรือไม่..!!

ต้องติดตามตอนต่อไป..!!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button