KOOL ร้อนแต่หนาว.!

สำนักข่าวรัชดา

อากาศยิ่งร้อน.!! หุ้นบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ยิ่งร้อนแรงไม่แพ้กัน 7 วันที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้น 7% ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 40-50 ล้านบาท จากเดิมซื้อขายเฉลี่ยแค่วันละ 1 ล้านบาท ปมเหตุของการแห่เก็งกำไร ตามความเชื่อที่ว่า “ยิ่งร้อน KOOL จะยิ่งกำไรดี” นั่นเอง.!!

ด้วยความที่ KOOL คือ ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำและพัดลมอุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ MASTERKOOL และ Cooltop รวมถึงออกแบบและติดตั้งระบบระบายความร้อนและระบบโอโซน

นั่นจึงถูกคาดหมายปนความคาดหวังว่า อากาศยิ่งร้อนยิ่งกระตุ้นยอดขาย KOOL มากขึ้น และน่าจะทำให้ซัมเมอร์นี้กำไรจะดีด้วยซิ..!!?

แต่ว่าโลกแห่งความเป็นจริง..ไม่ได้เป็นเช่นนั้น หากย้อนไปช่วงเดียวกันในซัมเมอร์ปีก่อน “ร้อนตับแตก” ไม่แพ้กัน และถูกมองว่า กำไรน่าจะต้องดี แต่ปรากฏว่างบไตรมาส 2/2561 KOOL มีผลขาดทุนสุทธิ 54.44 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2560 ที่มีผลขาดทุน 1.13 ล้านบาท

ทฤษฎีที่ว่า “ยิ่งร้อน..กำไรยิ่งดี” จึงใช้ไม่ได้กับหุ้น KOOL แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงซัมเมอร์ เป็นช่วงที่มียอดขายดีสุดของปี

ปัญหาของ KOOL ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นั่นคือตัวเลขผลประกอบการถดถอยอย่างน่าเป็นห่วง..เริ่มจากปี 2560 มีรายได้ 544.01 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 84.24 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 572.72 ล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิ 108.89 ล้านบาท ตัวการสำคัญคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น..ช่องทางการขายทั้งค้าปลีกและการขายลูกค้าองค์กรปรับลดลง โดยเฉพาะลูกค้าองค์กรที่ลดลงเกือบ 25% มีเพียงตลาดส่งออกที่มีการเติบโต แต่ต้องเผชิญปัญหาเรื่องการแข่งขันสูง กดดันทำให้มาร์จิ้นไม่สูงนัก แม้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

เมื่อดูจากอดีต น่าเป็นห่วงอนาคต KOOL ว่าจะกลับมามีกำไรได้อย่างไร.!? เมื่ออัตราการเพิ่มขึ้นของยอดขาย..มันน้อยกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุน ทำให้หนทางทำกำไรยิ่งตีบตันมากขึ้น

กลับมาสู่ปรากฏการณ์ “7 วันราคาหุ้นวิ่ง 7%” จึงเสมือนภาพลวงตา..จนเกิด “ดราม่าราคาหุ้น” ระยะสั้นเท่านั้น

อากาศร้อน ๆ แบบนี้ เห็นหุ้น KOOL แล้วเกิดอาการหนาว ๆ ยังไงก็ไม่รู้..!?

…อิ อิ อิ…