พาราสาวะถี

วันก่อนมีข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่งรายงานว่ากกต.อินเดียโดยเจ้าหน้าที่กกต. 4 คนพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันอีกหนึ่งนาย ได้เดินทางเข้าไปในป่าลึกระยะทางราว 55 กิโลเมตรในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติและเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่ากีร์ของรัฐคุชราต ทางตะวันตกของประเทศ เพื่อทำการเปิดหน่วยเลือกตั้งให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียง 1 คน ไม่ผิดมีเท่านั้นจริง ๆ และการกระทำดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรก เพราะชายคนนี้ได้ใช้สิทธิเพียงหนึ่งคนนี้มาตั้งแต่ปี 2002 แล้ว


อรชุน

วันก่อนมีข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่งรายงานว่ากกต.อินเดียโดยเจ้าหน้าที่กกต. 4 คนพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันอีกหนึ่งนาย ได้เดินทางเข้าไปในป่าลึกระยะทางราว 55 กิโลเมตรในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติและเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่ากีร์ของรัฐคุชราต ทางตะวันตกของประเทศ เพื่อทำการเปิดหน่วยเลือกตั้งให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียง 1 คน ไม่ผิดมีเท่านั้นจริง ๆ และการกระทำดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรก เพราะชายคนนี้ได้ใช้สิทธิเพียงหนึ่งคนนี้มาตั้งแต่ปี 2002 แล้ว

นำมาเทียบเคียงกับกกต.ประเทศไทย ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนได้ชื่อว่าเป็นคณะกรรมการไม่อยากจัดเลือกตั้ง พอมาหนนี้มีงบประมาณกว่า 5,800 ล้านจัดการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าคะแนนเสียงของคนไทยที่นิวซีแลนด์กว่า 1,500 เสียงไร้ความหมาย เพราะขนส่งมาไม่ทันนับคะแนน เห็นความพยายามของกกต.อินเดียกับการแสดงความรับผิดชอบของกกต.ไทยแลนด์แล้ว มันวังเวงยังไงชอบกล ดังนั้น หากคนจะไม่เชื่อถือและศรัทธาสาละวันเตี้ยลงทุกวันก็อย่าไปโทษใคร

สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ คุณแหล่งข่าวจากกกต.รายงานแล้วว่า เวลานี้ตัดเหลือแค่ 3 สูตรเท่านั้นคือวิธีคำนวณของกกต.ที่เสนอร่วมกับกรธ. แจกส.ส.ให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อส.ส. 1 คน จำนวน 27 พรรค วิธีการคิดคำนวณของสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. คำนวนออกมา 16 พรรค และวิธีคิดคำนวณของโคทม อารียา อดีตกกต.ซึ่งคำนวณแล้วออกมาจะได้จำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 16 พรรคเช่นเดียวกันกับของสมชัย

โดยแนวคิดของอดีตกกต.ทั้งสองคนต่างกันตรงที่การคำนวณในส่วนของสมชัยรอบสองที่ตัดทศนิยมทิ้ง แต่ 2 วิธีการคำนวณดังกล่าวจะไม่แจกส.ส.ให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยส.ส. 1 คน นั่นหมายความว่าให้ยึดถือพรรคที่มีคะแนนเสียงเฉลี่ย 71,057 คะแนนได้ส.ส. 1 ที่นั่ง อันเป็นสิ่งที่ยืนยันอีกครั้งว่าหัวหน้าพรรคการเมืองทุกคนเข้าใจกันแบบนั้นก่อนเลือกตั้ง ไม่เชื่อลองจับไปสาบาน ใครเคยคิดหรือไม่ว่าได้คะแนนเสียงแค่ 3-4 หมื่นก็จะได้ส.ส. 1 คน

ยังไม่มีกกต.รายใดหรือฝ่ายสำนักงานกกต.ออกมายืนยัน แต่ค่อนข้างที่จะเป็นไปตามแหล่งข่าวว่า พิจารณาแนวโน้ม ฟันธงไว้ตรงนี้ว่าจะต้องเลือกสูตรที่ 1 แน่นอน เหตุผลไม่ต้องอธิบาย ทั้งอ้างเรื่องเจตนารมณ์ของคนเขียนกฎหมายและเป็นข้อเสนอไปจากสำนักงานกกต.เอง ที่สำคัญคือมันมีผลต่อจำนวนส.ส.ที่จะถูกนำไปวิ่งเต้นจับมือกันตั้งรัฐบาล

อย่างหลังนี้สำคัญ เพราะพิจารณาจากอาการความเป็นกกต.ที่โคตรขี้เกรงอกเกรงใจหรือว่ากลัวก็ไม่ทราบ กับผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คงไม่กล้าที่จะไปทำให้สิ่งที่พรรคสืบทอดอำนาจและผู้มีอำนาจหวังไว้พังทลายลง ซึ่งคงต้องย้ำกันอีกรอบว่า การตัดสินใจที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ว่าได้สูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นบรรทัดฐานเพื่อใช้สำหรับการเลือกตั้งในครั้งต่อ ๆ ไป เว้นเสียแต่ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ต้องดูกันว่า องค์กรอิสระแห่งนี้จะเลือกเอาเรื่องเฉพาะหน้าด้วยเหตุผลที่คนรู้กันทั้งประเทศ หรือเลือกที่จะเข้ามาเพื่อสร้างบรรทัดฐาน ในฐานะที่เป็นกกต.ชุดใหม่อันเกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับที่อ้างว่าเป็นไปเพื่อการปฏิรูป เข้ามาเพื่อปฏิรูปให้ทุกอย่างดีขึ้นเดินไปข้างหน้า หรือทำให้ทุกเรื่องล้าหลังถอยหลังเข้าคลอง อีกไม่กี่อึดใจเราจะได้รู้กัน

ส่วนคำถามที่ว่า กกต.จะไม่รอเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นมาตรา 128 ของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ก่อนหรือ คำตอบชัดเจนคือ เมื่อยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา กกต.ก็ต้องดำเนินการคิดจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อไป เพื่อให้ทันการประกาศผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ นี่ก็เป็นอีกโจทย์ที่กกต.ถูกท้าทาย ถ้าไม่ทันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายจนส่งผลให้การเลือกตั้งโมฆะหรือไม่ ยังเป็นปุจฉาที่ไร้คนตอบ

วันนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเข้าไปให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของกกต.กรณีการโอนหุ้นสื่อ โดยที่เจ้าตัวยืนยันไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรมาก เพราะชี้แจงได้ทุกเรื่อง มีเอกสารทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตผ่านรายงานข่าวต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เจ้าตัวบอกว่าไม่หวั่นไหวด้วยเหตุผลเป็นการพูดปากเปล่า แต่ไม่เคยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ พร้อมกับท้าว่าถ้ามีหลักฐานก็เอามาดูเอามาสู้กัน

ไม่เพียงเท่านั้นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังฝากนักข่าวไปบอก ศรีสุวรรณ จรรยา คนที่ยื่นร้องกรณีนี้ ซึ่งวันศุกร์ที่ผ่านมาเข้าไปยื่นร้องกกต.ขอให้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของธนาธร ทำให้คนถูกร้องท้าต่อว่านอกจากศรีสุวรรณแล้วใครก็ตามถ้าไปขอข้อมูลจากดีแทค เกี่ยวกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของตน เพื่อยืนยันแหล่งที่อยู่เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมานั้น ฝากไปกับสื่อเลยว่าตนอนุญาต เปิดเผยข้อมูลได้เลย แสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างเต็มที่

ยังคงเกิดข้อผิดพลาดอยู่เป็นนิจถือเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรือเปล่าสำหรับการทำงานของกกต. ล่าสุดกับการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่เขต 1 นครปฐม วันที่นับคือวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉัตรชัย จันทร์พรายศรี กกต.ประกาศผลว่าผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ชนะคนของประชาธิปัตย์ 62 คะแนน ท่ามกลางการทักท้วงของพรรคเก่าแก่ว่า ผลการรวมคะแนนของพรรค ผู้สมัครของพรรคชนะที่ 4 คะแนน

สุดท้ายเมื่อตรวจสอบกันโดยละเอียดแล้ว พบว่ามีข้อผิดพลาดจากการนับคะแนนของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจริง นี่แค่เขตเดียวยังมีปัญหาให้เห็นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าทั่วทั้งประเทศจะมีปัญหาแบบเดียวกันนี้หรือไม่ และเป็นเหตุผลที่กกต.ไม่ยอมให้มีการเปิดเผยผลคะแนนรายหน่วยเลือกตั้งเพื่อแสดงความโปร่งใสหรือเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมสะท้อนถึงความไม่พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ มากไปกว่านั้นเลศนัยเช่นนี้ทำให้คนยิ่งเคลือบแคลงสงสัยหนักข้อไปอีก ความเชื่อถือเชื่อมั่นที่มีน้อยนิดอยู่แล้วอาจจะไม่มีเหลืออีกเลยก็ได้

Back to top button