SUPER พุ่ง 5% จับตาขายหน่วยลงทุนกองอินฟราฯฟันด์ ปลดล็อคหนี้ 4 พันลบ.-หนุนขยายรฟฟ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ล่าสุด ณ เวลา 12.13 น. อยู่ที่ระดับ 0.65 บาท ปรับตัวขึ้น 0.03 บาท หรือ 4.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 174.89 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น SUPER ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยคาดว่ามาจากการเสนอขายหน่วยลงทุนสำหรับการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) มูลค่า 8,300-8,500 ล้านบาท ภายในเดือนพ.ค.นี้ เบื้องต้น เงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุน ส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และรองรับการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนามประมาณ 3,000 ล้านบาท และใช้เข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวประมาณ 1,000 ล้านบาท

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 13-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,874.30 ล้านบาท และคาดว่ากำไรก็น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,045.43 เนื่องจากโครงการของบริษัทจะมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมอีก (COD) ประมาณ 260 เมกะวัตต์

โรงไฟฟ้าที่มีแผน COD ปีนี้ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม จำนวน 5 โรง กำลังการผลิตรวม 236.72 เมกะวัตต์ คาด COD ได้วันที่ 30 มิ.ย.นี้, โรงไฟฟ้าจากขยะที่ จ.พิจิตร กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/62 หรือต้นไตรมาส 4/62 และยังมีการเซ็นสัญญาขายไฟฟ้าแบบ Private PPA ให้กับบริษัทเอกชน จำนวนรวม 33.24 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มทยอยถ COD ได้ในไตรมาส 4/62 นี้ราว 16 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลทำให้สิ้นปี 62 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งสิ้น 1,039.32 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่777.6 เมกะวัตต์

ขณะที่ บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม จำนวน 5 แห่ง  กำลังการผลิตรวม 790 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่ Soctrang เฟส 1-2, Baclieu, camau, HBRE-Gia Lai และ HBRE-Phu yen คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 3 ปี โดยปัจจบันบริษัทได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว 172 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือก็อยู่ระหว่างรอการอนุมัติ

อีกทั้งก็อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการในรูปแบบ Private PPA รวมถึงโครงการ SPP Hybrid กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และไต้หวัน เป็นต้น จำนวน 2-3 ราย มองขนาดโรงไฟฟ้าที่แห่งละ 30-50 เมกะวัตต์ คาดเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/62 หรือต้นไตรมาส 3/62 คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ 11-13%