เปิดโผ 28 หุ้น SET โชว์กำไรไตรมาส 1/62 โตทะลักเกิน 100%

ผ่านช่วงบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ประกาศงบการเงินไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 ไปแล้ว แม้ภาพรวมผลการดำเนินงานที่ออกมาจะหดตัว แต่อย่างไรก็ตามยังมีหุ้นที่ทำผลงานเติบโตได้อย่างโดดเด่นเกิน 100%

ดั้งนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET ที่ทำกำไรเติบโตเกิน 100% มานำเสนอโดยครั้งนี้มีหุ้นทั้งหมด 28 ตัว คือ PRO,SAMART,CKP,SGP,NCH,POMPUI,TOG, Q-CON,BROCK,KTIS, PPP,SMT,BDMS,TAE,RJH, BPP,KDH,SAMTEL, ALLA,TASCO,CBG,GLAND, ASIAN,TWP,JWD,RATCH,BAY,EKH อย่างไรก็ตามจะขอนำเสนอข้อมูลประกอบการลงทุนเพียง 5 อันดับแรกของตารางดังนี้

อันดับ 1 บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) หรือ PRO กำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 12.82 ล้านบาท โต 2,747.78% จากปีก่อน 0.45 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการขายไตรมาส 1/62 เพิ่มขึ้นเป็น 14.06 ล้านบาท จากปีก่อน 11.23 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการไตรมาส 1/62 เพิ่มขึ้นเป็น 57.84 ล้านบาท จากปีก่อน 37.93 ล้านบาท

สำหรับบริษัทให้บริการบำบัดและกำจัดของเสียอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ทั้งกากอุตสาหกรรมแบบที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย โดยบริษัทฯ จะรับของเสียอุตสาหกรรมจากโรงงานลูกค้าและดำเนินการขนส่งเพื่อที่จะมาบำบัดที่ศูนย์บริการกำจัดกากอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ปลอดภัย คำนึงถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม

 

อันดับ 2 บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART กำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 200.43 ล้านบาท โต 1,381.15% จากปีก่อน 13.53 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากการขายงานตามสัญญาและบริการเป็นจำนวน 3,300 ล้านบาท (หลังหักรายการระหว่างกัน) โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 37%

ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 358 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในอัตรา 8% อันเป็นผลมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ

 

อันดับ 3 บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP กำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 139.42 ล้านบาท โต 1,013.76% จากปีก่อน 12.52 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำที่คงเหลือในอ่างเก็บน้ำช่วงต้นปี 2562 มีมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในไตรมาส 1 ปี 2562 เพิ่มขึ้น 110.3 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7.8 ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยจะใช้อัตราค่าไฟฟ้าดังกล่าวตั้งแต่ปี 2562 จนสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า CKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/62 เท่ากับ 139 ล้านบาท (+1,014%YoY, +14%QoQ) คาดผลประกอบการไตรมาส 2/62 ได้รับผลลบจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่นโครงการที่ 1 (BIC1)

ผลประกอบการช่วง 2H62 จะเร่งตัวขึ้น หนุนโดย (1) ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้ำงึม 2 ยังเพิ่มขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (2) High Season ในไตรมาส 3/62 และ (3) การเริ่ม COD โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในเดือน ต.ค. 62

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-2563 ที่ 1,135 ล้านบาทและ 2,093 ล้านบาท ตามลำดับ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 6.50 บาทต่อหุ้น อิงวิธี Discounted Cash Flow

 

อันดับ 4 บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP กำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 560.04 ล้านบาท โต 455.76% จากปีก่อน 100.77 ล้านบาท

โดยมีรายได้รวม 17,648.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,054.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.18%  เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 15,593.78 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายก๊าซ LPG ในต่างประเทศมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ราว 30% โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมงวด 3 เดือนของไตรมาส 1/2562 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 462 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 523 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน

ขณะที่ความคืบหน้าการลงทุนในประเทศต่างๆ ล่าสุดเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดให้บริการคลังก๊าซแอลพีจีที่ North Port ใกล้เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10,000 ตัน/เดือน ทำให้สามารถขยายศักยภาพการขายเพิ่มในฝั่งมาเลเซียตะวันตก ซึ่งมีศักยภาพมากในการขาย และบริษัทมีแผนเปิดคลังก๊าซแอลพีจี ที่เมืองปีนัง คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 4/2562

 

อันดับ 5 บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH  กำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 32.82 ล้านบาท โต 387.86% จากปีก่อน 6.73 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายรวมไตรมาส1/62 ลดลงมาอยู่ที่ 368.42 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 393.49 ล้านบาท

สำหรับบริษัทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ได้แก่ จัดสรรที่ดินและปลูกบ้านสำเร็จรูปและคอนโดมิเนียม งานก่อสร้าง การบริการและเช่าภายในสโมสรหมู่บ้าน เป็นต้น

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน