พาราสาวะถี

เคาะเรียบร้อยไร้แรงกระเพื่อมสำหรับรัฐมนตรี 8 ตำแหน่งของพรรคภูมิใจไทย แม้จะดูลีลาเยอะ แต่เรื่องความเด็ดขาดและบริหารจัดการภายในพรรคไร้ปัญหา ในระดับว่าการและรองนายกรัฐมนตรีที่บอกไปก่อนหน้าทุกอย่างเป็นไปตามนั้น โดยที่ 4 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยก็เป็นการจัดสรรตามผลงาน “เสี่ยป้อม” ทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อลูกพี่ลูกน้อง เนวิน ชิดชอบ ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจากเคยนั่งช่วยคมนาคมมาก่อนหน้านี้


อรชุน

เคาะเรียบร้อยไร้แรงกระเพื่อมสำหรับรัฐมนตรี 8 ตำแหน่งของพรรคภูมิใจไทย แม้จะดูลีลาเยอะ แต่เรื่องความเด็ดขาดและบริหารจัดการภายในพรรคไร้ปัญหา ในระดับว่าการและรองนายกรัฐมนตรีที่บอกไปก่อนหน้าทุกอย่างเป็นไปตามนั้น โดยที่ 4 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยก็เป็นการจัดสรรตามผลงาน “เสี่ยป้อม” ทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อลูกพี่ลูกน้อง เนวิน ชิดชอบ ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจากเคยนั่งช่วยคมนาคมมาก่อนหน้านี้

ขณะที่ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ผู้ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งคนจำพวกใจถึงพึ่งได้ พาส.ส.จากอุทัยธานีและนครสวรรค์เข้ามา 3 เก้าอี้ได้รับปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ กนกวรรณ วิลาวัลย์ ลูกสาว สุนทร วิลาวัลย์ คนที่อยู่กับพรรคมาตั้งแต่ต้นรอบนี้โชว์ผลงานกวาดส.ส.ปราจีนบุรีมาได้ 3 ที่นั่งได้เป็นรัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ สุดท้าย “เสี่ยป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล นายทุนภาคอีสานพาลูกทีมได้เก้าอี้ส.ส.โคราชมา 3 ที่นั่งได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์

ส่วนพรรคเล็กผู้เจียมเนื้อเจียมตัวอย่างชาติไทยพัฒนานั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา นั่งว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประภัตร โพธสุธน นั่งกระทรวงที่ตัวเองถนัดคือช่วยว่าการเกษตรฯ ด้านพรรคที่ชูผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตั้งแต่พรรคยังไม่ได้ตั้งอย่างรวมพลังประชาชาติไทยได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ โดย สุเทพ เทือกสุบรรณ คนที่ไม่ยุ่งการเมืองยืนยันเองส่ง “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ไปกุมบังเหียน

ฟากชาติพัฒนาที่มีส.ส. 3 ที่นั่งแต่ได้เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม รอบนี้ เทวัญ ลิปตพัลลภ น้องชายสุวัจน์คงต้องออกศึกขึ้นชั้นไปรับตำแหน่งเอง ที่อลเวงกันไม่เลิกคงเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลเอง ที่ตามข่าวท่านผู้นำเผด็จการซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคทุบโต๊ะทุกอย่างจบแค่นี้ แต่จะเกิดศึกภายในหรือไม่อันนี้ต้องติดตาม เพราะถือเป็นการผลัดกันได้เปรียบคนละหนสำหรับแกนนำกลุ่มสามมิตรและแกนนำกปปส.

จากการจัดโผส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก่อนเลือกตั้ง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำกปปส.ปาดหน้าคว้าอันดับหนึ่งไปครอง ทั้งที่มีการตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้วว่าอันดับปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งถ้าไม่ใช่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ต้อง สมศักดิ์ เทพสุทิน เท่านั้น แต่เมื่อผลเป็นเช่นนั้นก็จำต้องยอมกลืนเลือดกันไป มาเที่ยวนี้เมื่อสามมิตรวืดหมดทั้งคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ จนเกิดข่าวลือถึงการขนส.ส.ในสังกัดกว่า 30 ที่นั่งแปรพักตร์ ทุกอย่างจึงต้องจบลงแบบเสียความรู้สึกทุกฝ่าย

โดยสุริยะไปแย่งเอาเก้าอี้รัฐมนตรีพลังงานที่ณัฏฐพลจองไว้ตั้งแต่ไก่โห่มาแทน โดยที่แกนนำกปปส.ถูกโยกไปนั่งว่าการศึกษาธิการ ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์ในฐานะที่เป็นเจ้าของสถาบันการศึกษาและถ้ายึดเอาตามแนวทางของกปปส.คือต้องปฏิรูปและไร้การต่อรองเพื่อให้ประเทศเดินหน้าก็ต้องว่ากันไปตามนี้ ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการเยียวยาความรู้สึกของฝั่งสามมิตรด้วย ที่สมศักดิ์อกหักอย่างแรงได้เก้าอี้รัฐมนตรียุติธรรมเป็นการปลอบใจ

ทางด้านสามศรีพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ก็ตกลงปลงใจกันที่จะให้น้องเล็กเป็นนายกฯ ควบกลาโหม แม้จะยกปัญหาด้านสุขภาพของพี่ใหญ่มาเป็นข้ออ้าง แต่คนที่ติดตามการเมืองมาตลอดย่อมรู้ดีว่าเพราะอะไร ทางออกเช่นนี้เป็นเรื่องของภาพลักษณ์หน้าตาล้วน ๆ ส่วนพี่รองก็ยังยิ่งใหญ่คุมกระทรวงคลองหลอดเช่นเดิม เดินแบบนี้ไม่ได้มีเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แค่พี่ใหญ่วางมือให้น้องรับช่วง แต่การแบ่งงานในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเพียงเก้าอี้เดียว ก็ยังได้กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเหมือนเดิม

ส่วนใครที่อ้างเรื่องการปฏิรูปก่อนการเข้ามาของเผด็จการคสช. คงต้องช่วยออกมาบอกสังคมดัง ๆ ว่านี่คือการเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าแล้วจริง ๆ เคยรังเกียจเผด็จการรัฐสภา เคยเดียดฉันท์สภาผัวเมีย แต่มารอบนี้มีครบทุกอย่างทั้งครม.วงศ์วารว่านเครือและสภาลากตั้งพวกพ้องน้องพี่ โดยที่รัฐมนตรีญาติพี่น้องนั้นมาจากคำยืนยันของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาและประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคสืบทอดอำนาจที่พูดถึงโควตารัฐมนตรีที่ได้มา

ไม่รู้ว่าเป็นการแสดงสปิริต อวดศักยภาพหรือการตีไพ่โง่ออกมา เมื่อบอกว่าต้องการเป็นส.ส.อย่างเดียวเพื่อไปดูแลประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือที่ตัวเองบัญชาการอยู่ ส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีที่ได้มาจะให้คนนามสกุลเดียวกันไปทำหน้าที่แทน เปลือยธาตุแท้กันล่อนจ้อน ขณะที่ส.ว.เอื้อพวกพ้องหลังจากเห็นรายชื่อคณะกรรมการสรรหาที่ วิษณุ เครืองาม เปิดเผยด้วยเหตุผล “รำคาญ” ประสาวิญญูชนคงรู้อยู่แก่ใจดีว่านี่ผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

คณะกรรมการสรรหา 10 รายชื่อนั้น มี 5 คนได้กลับไปเป็นส.ว.ที่ตัวเองเป็นกรรมการสรรหาเสียเอง อันประกอบด้วย พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ  พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร  พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงห์แก้ว และ พรเพชร วิชิตชลชัย โดยเนติบริกรอ้างว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เลือกหรือเสนอชื่อตัวเอง แต่การเป็นกรรมการแล้วถูกกรรมการด้วยกันเองจิ้มให้เป็น แค่นี้ก็คือบทพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลางและเอื้อพวกพ้องหรือไม่

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีบุคคลที่เป็นญาติกับคณะกรรมการสรรหาที่ได้รับเลือกอีก ไม่ว่าจะเป็นพลเรือเอกศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตสนช.น้องชายพลเอกประวิตร พลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม น้องชายของวิษณุ สม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชายของสมคิด รวมทั้งพลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพลเอกประยุทธ์ และยังมีคู่เขยท่านผู้นำคือ พลตำรวจโทวิบูลย์ บางท่าไม้ ด้วย หัวขบวนม็อบปฏิรูปหรือแม้กระทั่งพรรคที่สร้างวาทกรรมสภาผัวเมีย ไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือ

สิ่งที่น่าตลกไปกว่านั้นคือเนติบริกรประจำรัฐบาลที่อ้างว่ารำคาญและบอกว่าเคยส่งรายชื่อกรรมการสรรหาไปให้ประธานสนช.และผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว คำถามคือแล้วทำไมจึงไม่เปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อความโปร่งใส การอ้างกลัวการวิ่งเต้นภายใต้บริบทรัฐบาลอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและยึดความสุจริตเป็นที่ตั้ง ฟังยังไงน้ำหนักมันช่างเบาหวิวเหลือเกิน แต่ก็นั่นแหละ คนดีจะพูดจะแถอะไรก็ได้ทั้งนั้น

Back to top button