“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ปรับขึ้นในกรอบ 1,720-1,735 จุด จากแรงรีบาวด์หุ้นพลังงานทางเลือก

“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ปรับขึ้นในกรอบ 1,720-1,735 จุด จากแรงรีบาวด์หุ้นพลังงานทางเลือก


บล.เออีซี ประเมินดัชนีวันนี้ (5 ก.ค.62) คาด SET Index มีโอกาสปรับขยับในกรอบ 1,720-1,735 จากแรงรีบาวด์ในหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกที่ปรับลงแรงวานนี้ บวกกับ Sentiment ใน ตปท. ที่ยังเป็นบวก

Investment Strategy

ภาพระยะกลางคาด SET Index มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Side-way Up สู่แนวต้านที่ 1,750 จุด หนุนด้วย Sentiment ต่างประเทศที่ดีขึ้นหลังการประชุม G20 มีข้อสรุปทางบวก ได้แก่ 1) ผู้นำสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นภาษีจีนรอบใหม่ สะท้อนความคืบหน้าของการเจรจาสงครามการค้าที่ดีขึ้น 2) รัสเซียให้สัมภาษณ์สนับสนุนการเลื่อนระยะเวลาของความร่วมมือลดกำลังการผลิตของ OPEC และ Non-OPEC อีก แต่ยังคงความระมัดระวังเนื่องจากคาดยังมีปัจจัยลบที่คอยกดดันจาก ตัวเลข ศก. ในประเทศที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องสะท้อนจากการที่หน่วยงานรัฐฯหลายสำนักปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 62 ลง จึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่มีภูมิคุ้มกันต่อภาวะศก. ได้ดี 3 กลุ่มดังนี้คือ

กลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น: ด้วยอานิสงส์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดย YTD ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯราว 2.13% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งปี 61 และ 2QTD ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯราว 0.91% เทียบกับค่าเฉลี่ยช่วง ไตรมาส 2/62 โดยเลือกหุ้นนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ได้ประโยชน์ดังกล่าวจากต้นทุนสินค้าถูกลง ได้แก่ SYNEX (ตั้งเป้าปีนี้รายได้เติบโต ไม่ต่ำกว่า 15%  นำโดยสินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสารและสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลที่มีแนวโน้มเติบโตสูงบวกกับมีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ทั้ง Gaming, Cloud service, Security และ Internet of Things) และ HARN (คาดกำไรปี 62 เติบโต 12.7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก Backlog ณ สิ้นไตรมาส1/62อยู่ที่ 520.7 ลบ. และมีโอกาสได้งานต่อเนื่องจากโครงการภาครัฐและเอกชน อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันเทรด Forward PER ปีนี้ที่ระดับ 8.92x)

กลุ่มค้าปลีก: คาดได้ประโยชน์จากการเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้นบวกกับได้อานิสงส์บวกจากนโยบายกระตุ้น ศก. ของรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดมุ่งเป้ามาที่การบริโภคของภาคเอกชนเป็นอันดับต้นๆ แนะนำ CPALL (ตั้งเป้ายอดขายปี 62 โตไม่ต่ำกว่า7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนด้วยแผนเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องที่ 700 สาขา ส่วนภาพใหญ่มีเป้าหมายใหม่ที่จะขยายสาขาให้ครบ 13,000 สาขาภายในปี 2564)

กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ได้แก่ BAFS (กำไรสุทธิช่วงไตรมาส1/62เติบโต 7.8%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้น  4.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 8-9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป้าปริมาณการเติมน้ำมันโต 4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับเริ่มรับรู้รายได้ท่อส่งน้ำมันบางปะอิน-พิจิตร และเตรียมเข้าประมูลโครงการจัดเก็บและเติมน้ำมันในสนามบินอู่ตะเภา)

Trading Idea

กลุ่มเรือเทกอง: คาดผลประกอบการช่วง ไตรมาส2/62 จะฟื้นตัวจากช่วงไตรมาส1/62หลัง BDIY Index ในช่วง 2QTD ฟื้นตัวกว่า 24.7% เทียบกับช่วงไตรมาส1/62 ซึ่งสูงกว่าการปรับขึ้นของต้นทุนราคาน้ำมันโดย WTI CRUDE FUTURE  ช่วง 2QTD เพิ่มขึ้นเพียง 6.5% เทียบกับช่วงไตรมาส1/62มองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ PSL ปัจจุบันเทรด Trailing PBV ที่ระดับ 1x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 10 ปีย้อนหลังที่ 1.14x

กลุ่มธนาคาร: มองเป็นกลุ่มที่ราคาน่าดึงดูด จากปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 1.04x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังช่วง 3 ปีที่ 1.19x อีกทั้งหลังมีการรายงานแบบ ธ.พ.1.1พบหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อโดดเด่น ได้แก่ KKP (+10.2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ KTB (+6.6%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)

Back to top button