หุ้นกลุ่ม SET ราคาพุ่งเกิน 15% (เดือนกรกฎาคม)

ถึงแม้ว่าทางดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลง แตยังมีหุ้นใน SET ที่ราคายังแกร่งกว่าตลาด โดยราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง “ราคาหุ้นพุ่งกว่า 15%”


เส้นทางนักลงทุน

ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา บรรยากาศตลาดหุ้นไทยปรับตัวค่อนข้างผันผวน ซึ่งอิงไปในทิศทางขาลงเป็นหลัก…เพราะดัชนี SET Index ปิด ณ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2562 อยู่ที่ 1,711.97 จุด เทียบกับในช่วงที่ดัชนีปิดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2562 อยู่ที่ 1,730.34 จุด ปรับตัวลดลง 18.37 จุด หรือ 1.06%

ถึงแม้ว่าทาง SET Index จะปรับตัวลง ! แต่ก็ยังมีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ราคาหุ้นยังแกร่งกว่าดัชนีตลาดหุ้น โดยราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง “ราคาหุ้นพุ่งกว่า 15%” ภายในช่วงเดือนกรกฎาคม หลังจากหุ้นส่วนใหญ่มักไม่ค่อยขึ้นมาติดอยู่ในโผราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง

สำหรับหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ได้แก่ SRICHA, JUTHA, STARK, TKN, VIBHA, ZEN, NEX, 7UP, TTCL, TQM, AMANAH, JCK, ICHI, RPH, THE, TTA, ASAP, NOBLE, EKH, PRM, COM7, PACE, SINGER, WORK และ PTG เป็นต้น

ส่วนตัวเลขของราคาหุ้นปรับตัวขึ้น เดือนกรกฎาคม (ดูรายละเอียดจากตารางประกอบ)

ทั้งนี้หุ้นดังกล่าวที่ปรับตัวขึ้น พบว่ามีหุ้นที่ยังน่าสนใจและราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ตัวอย่างเช่น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN คาดว่าจะรับอานิสงส์จากนักวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2562 จะขยายตัวโดดเด่นอยู่ที่ 86% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปีครึ่งหลังของปี 2561 อีกทั้งช่วงครึ่งหลังของปี 2562 จะเป็น High season ของ TKN

ประเมินว่ารายได้จากจีนจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดย TKN เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากออเดอร์จีนตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2562 ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากจีนอยู่ที่ 36% ของรายได้ TKN ด้านรายได้ในประเทศคาดจะฟื้นตัวจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โคแบรนด์กับ Pringles โดยเริ่มจำหน่ายใน 7-Eleven ในไตรมาส 3/2562, ยังได้รับประโยชน์จากต้นทุนสาหร่ายล็อตใหม่ที่ลดลง และคาดว่าจะได้รับออเดอร์จากตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนตั้งแต่ไตรมาส 3/2562

ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท/หุ้น

ต่อมา บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH คาดว่าจะยังคงได้รับอานิสงส์มากขึ้น เนื่องจากนักวิเคราะห์ประมาณการรายได้ปี 2562 ราว 820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยหนุน 3 ประการ ได้แก่ 1) คาดอัตรา %U.rate ของผู้ป่วยในตึกใหม่อยู่ที่ 40-60% เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยเด็กใช้บริการตึกเก่าราว 30-40 เตียงจะย้ายไปให้บริการที่ตึกใหม่ทั้งหมด 2) ศูนย์ IVF พระรามเก้าจะเปิดให้บริการครบ 3 ชั้น เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น และ 3) รับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์ IVF ซึ่งเราคาดการณ์รายได้ทั้งปีราว 200 ล้านบาท

ขณะที่ บล.โกลเบล็ก แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท/หุ้น

ประกอบกับ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 คาดว่าจะรับอานิสงส์จากนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรปี 2562 ที่ 1,023 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ด้วยรายได้ 32,295 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) จาก

  1. ยอดขายสินค้าทุกกลุ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการปรับสัดส่วน Product Mixed ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
  2.  การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า ผ่านการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2562 บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 847 สาขา จาก 662 สาขา (ณ สิ้น ไตรมาส 1/2562) และการรุกตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Bnn.in.th และ Application บนมือถือ คาดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 3/2562
  3. การขยายตลาดเพิ่มเติมในกลุ่ม Gaming ภายใต้แบรนด์น้องใหม่ “BaNANA E-Quip” และกลุ่ม IOT (Internet Of Thing) เพื่อรองรับตลาดสมาร์ตโฮม และ 5G คาดจะสามารถเปิดตัวได้ภายในปีนี้ ขณะที่ GPM มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนที่ 13.03% เนื่องจาก การปรับเปลี่ยนสัดส่วนผลิตภัณฑ์ แม้จะมีการขยายแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง ส่วน SG&A คาดจะปรับตัวลดลงเป็น 9.08% สาเหตุหลักมาจากการขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทยังมี Upside จากการร่วมมือทางธุรกิจกับ BTS ซึ่งยังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการ

ขณะที่ บล.ฟิลลิป แนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26.25 บาท/หุ้น

รวมถึง บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK คาดว่าจะรับอานิสงส์จากนักวิเคราะห์ที่ยังคงเลือก WORK เป็น Top pick สำหรับหุ้นกลุ่มมีเดีย จากผลประกอบการที่จะกลับมาเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 เป็นต้นไป

นอกจากนี้คาดว่ากำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2562 จะขยายตัวอย่างมาก (เพิ่มขึ้น 350% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง, เรตติ้งที่คาดจะปรับตัวดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง จากผังรายการใหม่ที่จะทยอยออกอากาศ ซึ่งจะหนุนให้รายได้ของ WPTV ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง

ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 440 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) สำหรับ valuation ยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล

ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท/หุ้น

จากหุ้นตัวอย่างข้างต้นยังมีปัจจัยบวก จึงเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ !!!

Back to top button