หุ้นเด่น – ดิ่งกลุ่ม SET50 (เดือนกรกฎาคม)

ภาพรวม SET Index ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปรับตัวค่อนข้างผันผวน แต่อิงไปในทิศทางขาลงมากกว่า ผลดังกล่าวทำให้การซื้อขายหุ้นอยู่ในรูปแบบเล่นเป็นรายตัวไป


เส้นทางนักลงทุน

ภาพรวม SET Index ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ปรับตัวค่อนข้างผันผวน แต่อิงไปในทิศทางขาลงมากกว่า…โดยดัชนีปิด ณ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2562 อยู่ที่ 1,711.97 จุด เทียบกับดัชนีปิดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2562 อยู่ที่ 1,730.34 จุด ปรับตัวลดลง 18.37 จุด หรือ 1.06%

สอดคล้องกับปัจจัยที่นักลงทุนกังวล และยังต้องจับตาในเรื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนอย่างชัดเจน

ผลดังกล่าวทำให้การซื้อขายหุ้นเป็นรายตัวไป…

ขณะที่ภาพรวมในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ โดยภาพรวมดัชนี SET50 ในช่วงเดือนกรกฎาคม พบว่า ดัชนี SET50 อ่อนตัวลงเช่นกัน เพราะเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2562 อยู่ที่ 1,130.92 จุด เทียบกับดัชนีปิดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2562 อยู่ที่ 1,150.85 จุด ปรับตัวลดลง 19.93 จุด หรือ 1.73%

สอดคล้องในรายตัวของกลุ่ม SET50 ทั้งหมด 50 ตัว ก็ทำให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่ามีการเก็งกำไรเฉพาะตัวจริง เนื่องจากมีหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 24 ตัว ขณะเดียวกันมีหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 26 ตัว

สำหรับหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ได้แก่  ROBINS, KTC, TRUE, TOA, TISCO, MTC, CBG, TCAP, OSP, KKP, TOP, BTS, TU, GULF, BPP, BJC, LH, INTUCH, EGCO, RATCH, BH, CPALL, KTB และ PTTEP เป็นต้น

ส่วนทางด้านหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวลง ได้แก่ DELTA, IVL, KBANK, SCC, BEM, BBL, EA, GLOBAL, PTTGC, GPSC, DTAC, BANPU, IRPC, BDMS, TMB, PTT, SAWAD, CPN, ADVANC, AOT, MINT, CPF, HMPRO, SCB, WHA และ BGRIM เป็นต้น

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการบอกความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่ม SET50 ในช่วงเดือนกรกฎาคมเท่านั้น เพราะจะทำให้นักลงทุนได้ทราบว่าช่วงระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หุ้นตัวไหนสามารถแข็งกว่าดัชนี และหุ้นตัวไหนอ่อนตัวลงตามดัชนี

แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 ถือว่าปลอดภัย เพราะถือว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี เป็นตัวที่กองทุน และนักลงทุนต่างชาติ จ้องมองเข้าลงทุน

และสิ่งสำคัญส่วนใหญ่ราคาหุ้นมักฟื้นตัวเร็ว !!!

ขณะเดียวกันนั้นกลยุทธ์การลงทุน การอ่อนตัวเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่อย่าง SET50 ที่คาดจะได้รับประโยชน์จากประเด็นบวกต่าง ๆ คอยสนับสนุน อาทิเช่น หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ ได้แก่ CPALL, WHA, BTS   ขณะที่หุ้นปันผลสูง อย่าง  TISCO, LH

ส่วนกลุ่มสื่อสารได้ประโยชน์จากการแข่งขันลดลง (รายได้เพิ่ม ต้นทุนลด) ได้แก่ TRUE, DTAC, ADVANC, INTUCH นอกจากนี้หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก IMO 2020  ได้แก่ TOP และปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือ CPF, MINT, PTT, AOT เป็นต้น

ด้วยหุ้นเหล่านี้มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้ และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น !!!!

Back to top button