SETฟื้นตัวต่อ! แนะหุ้น 8 ธีมเด่น-เน้น KTC,BGRIM คาด FTSE เพิ่มน้ำหนัก-เข้าใหม่ 23 ส.ค.นี้

SETฟื้นตัวต่อ! แนะหุ้น 8 ธีมเด่น-เน้น KTC,BGRIM คาด FTSE เพิ่มน้ำหนัก-เข้าใหม่ 23 ส.ค.นี้


Weekly outlook: “Rebound” ต้าน 1651/1673 จุด รับ 1612/1604 จุด

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ (19-23 ส.ค.62) จิตวิทยาการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้้น หลังความเสี่ยงสงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายลง จากการที่จีนส่งสัญญาณจะพบกันครึ่งทางกับสหรัฐฯ และดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายตกลงไว้ในการประชุม G20 ถือเป็นท่าทีที่เบาลงหลัง

ก่อนหน้านี้เผยว่าจะตอบโต้ทุกวิธีกับสหรัฐฯ เพิ่มความคาดหวังบวกต่อคณะทำงานของ ทั้งงสองฝ่ายที่จะเจรจากันในสัปดาห์หน้า ผสานกับแรงกดดันจาก Inverted Yield Curve ของพันธบัตรสหรัฐฯผ่อนคลายลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวทั้้ง 10 ปี และ 30 ปี เริ่มฟื้นตัว

นอกจากนี้จากการศึกษาข้อมูลสถิติย้อนหลัง พบว่า การเกิดInverted Yield Curved ของ US Bond Yield ระยะ 2-10 ปี ไม่ได้สะท้อน Recession 100% อย่างที่ตลาดกังวล และกว่าจะมีระยะเวลาที่เข้าสู่จุดที่เป็นความเสี่ยงจริงๆ มักจะเกิดในอีก 18-24 เดือนข้างหน้า บ่งชี้ภาวะตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ในช่วงชะลอตัว

ส่วนสำหรับตลาดหุ้นไทย ค่า Equity Risk Premium ที่สูงกว่า 4.52% สะท้อนกรอบซื้อในเชิงพื้้นฐาน 1640-1580 จุด โดยได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯ

โดยล่าสุด ครม.เศรษฐกิจมีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะภัยแล้ง มาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย วงเงินรวม 3.1 แสนล้านบาท ราว 1.94%ของ GDP เป็น Upside Risk ต่อคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้้ที่3% ของ Nomura โดยสัปดาห์นี้จะมีตัวเลข สำคัญทางเศรษฐกิจที่จะรายงาน นำโดย 2Q19 GDP (19ส.ค.) และตัวเลขส่งออก (21ส.ค.)

ส่วนปัจจัยอื่นๆที่น่าติดตาม ได้แก่ 1) การประชุม Jackson Hole Economic Policy Symposium 22-24 ส.ค. ซึ่งผู้เข้าร่วมคือธนาคารกลางและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กับการเงินทัวโลก โดยหัวข้อปีนี้้เน้นไปที่ ‘Challenges for Monetary Policy’ ซึ่งน่าจะได้เห็นแนวทางของนโยบายการเงินผ่อนคลายของหลายประเทศ

 2) FTSE Rebalance คาดประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย 23 ส.ค. 2019 ช่วงกลางคืน มีผล 20 ก.ย. 2019 ราคาปิดโดยมีหุ้นไทย 3 บริษัทที่คาดว่าจะถูกนำเข้าใหม่ ได้แก่ KTC, BGRIM, TPIPL แต่อย่างไรก็ดี TPIPL ยังมีความเสี่ยงด้านคดีความจึงแนะนำให้เลี่ยงการเก็งกำไร ไปเน้น KTC,BGRIM แท

กลยุทธ์การลงทุน: ERP ของไทยที่เพิ่มขึ้นสูง 4.52% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.52% กำลังหนุนการฟื้้นตัวของ SET โดยมีกรอบซื้อเชิงพื้้นฐาน 1640-1580 จุด Theme เด่น จากดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่ 1) Consumer Finance: SAWAD, AMANAH, JMART 2) High Yield: ADVANC, INTUCH, KKP 3) Property: AP, SPALI 4) ส่งออกอาหาร : CPF,TU(cover short) 5) ท่องเที่ยว MINT, AOT, ERW 6) นิคม AMATA, WHA 7) โรงไฟฟ้าเน้นตัวที่ FTSE เพิ่มน้ำหนัก BGRIM 8) การบริโภค CPALL, KAMART, ICHI, ZEN

หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ JMART, AMANAH, TASCO ส่วนสัปดาห์ก่อน AMATA,JMART, CPF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.20% ดีกว่าดัชนีฯที่ให้ผลตอบแทน -1.17%

1) JMART(TP15.3) : งบ Q2 ออกมากดี และคาดจะดีต่อใน Q3 +yy +qq

2) AMANAH(TP2.8) : คาดงบ 2H19 โตแรงต่อเนื่อง และมีเปิดสาขาเพิ่ม 2-5สาขา

3) TASCO(TP26) : คาดกำไร 2H19 โตเด่น + ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำ

Back to top button