โบรกฯแนะสะสม TOP ชูเด่นสุดกลุ่มโรงกลั่น เคาะเป้าหนัก 80 บ. รับผลดีมาตรการ IMO

โบรกฯแนะสะสม TOP ชูเด่นสุดกลุ่มโรงกลั่น เคาะเป้าหนัก 80 บ. รับผลดีมาตรการ IMO


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP หลังนักวิเคราะห์มองว่า TOP เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลดีจากการที่ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวขึ้นแรง และมองว่า TOP เป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มหุ้นโรงกลั่น พร้อมรับผลดีมาตรการ IMO

โดย บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วิเคราะห์ว่า กลุ่มพลังงาน (PTTEP , TOP) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรงเหนือ 56 US/Barrel  ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOP ประเมินราคาเป้าหมาย 80 บาท โดยในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นช่วยคลายกังวลต่อผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบ

ขณะที่ระยะกลางถึงยาวจะได้ปัจจัยบวกจากมาตรการใหม่ของ IMO โดยต้นปีหน้า IMO กำหนดให้กองเรือลดการใช้น้ำมันเตาซึ่งมีกำมะถันและซัลเฟอร์สูงคาดว่าจะหนุนให้กองเรือหันมาใช้น้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำแทนน้ำมันเตาเพิ่มมากขึ้นเป็นบวกต่อ TOP

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TOP ประเมินราคาเป้าหมาย 78 บาท/หุ้น และเลือก TOP เป็นหุ้นที่โดดเด่นสุดในกลุ่มโรงกลั่น ทั้งนี้มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากประเมินค่าการกลั่นในครึ่งปีหลังปี 2562 จะอยู่ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีกว่าครึ่งปีแรกปี 2562 ที่เฉลี่ย 3.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยได้แรงสนับสนุนจาก ช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และ IMO 2020 ซึ่งประเมินหุ้น TOP ได้รับประโยชน์จาก IMO อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/62 กลุ่มโรงกลั่น ยังถูกกดดันด้วยจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง โดยอาจจะต้องมีการบันทึกผลขาดทุน stock loss ได้

ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นมีการปรับตัวลงประมาณ -10% และ -25%  ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมาจากผลประกอบการในครึ่งแรกปี 2562 ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดและค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำจากความกังวลสงครามการค้า ซึ่งราคาปัจจุบันเริ่มน่าสนใจ ดังนั้นจึงแนะนำให้เริ่มสะสมหุ้นกลุ่มโรงกลั่น โดยคาดว่าราคาหุ้นจะเริ่มปรับขึ้นได้ในช่วง พ.ย.-ธ.ค. ที่จะเห็นผลบวกจาก IMO

ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้พุ่งขึ้นแรงถึง 2.32 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +4.3% ปิดที่ 56.26 ดอลลาร์/บาร์เรล จากปัจจัยบวกในเรื่องของสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่คาดว่าจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 (เช้านี้ประกาศออกมาเพิ่มขึ้น 4 แสนบาร์เรล จากที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล)

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังขานรับกับดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนที่มีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยจีนนับเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก แน่นอนว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะเป็นผลบวกโดยตรงต่ออุตสาหกรรมปิโตรเลียมต้นน้ำอย่าง PTTEP มากที่สุด รองลงมาก็จะเป็นโรงกลั่นน้ำมัน (ได้กำไรจากสต๊อกน้ำมันและหากราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับขึ้นเร็วกว่าราคาน้ำมันดิบค่าการกลั่นก็จะเพิ่มขึ้นด้วย) อย่าง TOP ประเมินราคาเป้าหมาย 77 บาท/หุ้น

Back to top button