SPA โดดเด่น

เมื่อเข้าช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว SPA ก็เป็นอีกบริษัทน่าสนใจ สืบเนื่องจากดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา


คุณค่าบริษัท

เมื่อเข้าช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ก็เป็นอีกบริษัทน่าสนใจ สืบเนื่องจากดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา

สิ่งสำคัญทางนักวิเคราะห์คาดช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 จะทำกำไรสูงสุดใหม่อีกครั้งราว 74 ล้านบาท โต 50.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากฤดูกาลท่องเที่ยวนั่นเอง

นอกจากนี้ทาง SPA เข้ารวมในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” มากถึง 20 สาขา ส่วนนี้ก็ช่วยสนับสนุนอีก ประกอบกับตรงกับช่วง Golden Week ของจีนซึ่งสอดคล้องกับการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน

รวมถึงการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม คาด SSSG เพิ่มขึ้น 10% และสาขาใหม่ที่เปิดเพิ่ม 4 แห่ง ทำให้จำนวนสาขาสิ้นปี 2562 เป็น 64 แห่ง โดยเป็นสาขาในประเทศไทย 58 แห่ง และสาขาในต่างประเทศ 6 แห่ง

ดังนั้นที่ทาง SPA มีสาขาในประเทศไทยมากจะเป็นบวก เพราะถือว่า SPA  เป็นรายแรก ๆ ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่ไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวและมีการเติบโตดี เพราะบริษัทมีสัดส่วนรายได้ถึง 75% ที่อิงตามการท่องเที่ยว ยิ่งการท่องเที่ยวฟื้นยอดการใช้บริการก็จะเพิ่มขึ้นตามมา

สังเกตจากผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 372.02 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 291.04 ล้านบาท โดยรายได้หลักยังคงเป็นรายได้จากธุรกิจสปา ทั้งในสาขาเดิมและสาขาที่เปิดใหม่ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 70.03 ล้านบาท หรือ 0.123 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 51.96 ล้านบาท หรือ 0.091 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,029.64 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 843.12 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 176.31 ล้านบาท หรือ 0.309 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 156.49 ล้านบาท หรือ 0.275 บาทต่อหุ้น สะท้อนถึงการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

ทั้งนี้จากภาพรวมที่ยังดูสดใสจากการท่องเที่ยวฟื้นและผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้นักวิเคราะห์ปรับกำไรทั้งปีนี้เป็น 251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ทาง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้าคือ ปี 2563 และปี 2564 จะได้เวลาเก็บเกี่ยว จากการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังผลให้มีอัตราการเติบโตกำไรที่สูง คาดว่าจะทำกำไรเป็นสถิติสูงสุดใหม่ อัตราการเติบโต CAGR เฉลี่ยสูงเป็น 23%

สำหรับปี 2563 เติบโต 23% และปี 2564 เป็น 22% เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับแรงผลักดันการเติบโตมาจากการขยายสาขาต่อเนื่องทั้งไทยและต่างประเทศ เพิ่มอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) กระจายความเสี่ยงไปยังห้างสรรพสินค้าในรูปแบบใหม่ ๆ และพยายามเพิ่มอัตรากำไร

โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายวิบูลย์ อุตสาหจิต 63,160,000 หุ้น 11.08%
  2. นายประเสริฐ จิราวรรณสถิตย์ 63,140,000 หุ้น 11.08%
  3. นางฐานิศร์ อมรธีรสรรค์ 54,070,000 หุ้น 9.49%
  4. นางปราณี ศุภวัฒนเกียรติ 53,720,000 หุ้น 9.42%
  5. นายณรัล วิวรรธนไกร 20,240,000 หุ้น 3.55%

รายชื่อกรรมการ

  1. นางปราณี ศุภวัฒนเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท
  2. นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานกรรมการบริหาร, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. นายประเสริฐ จิราวรรณสถิต กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
  4. นางฐานิศร์ อมรธีรสรรค์ กรรมการ
  5. นายณรัล วิวรรธนไกร กรรมการ

Back to top button