SVI เก็บเกี่ยว MBO

ทันทีที่บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1.93 บาท ส่งผลให้วันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา หุ้น SVI แปลงร่างเป็นม้าศึกทันตา...โดยราคาเปิดตลาดพุ่งพรวดไปที่ระดับ 6.00 บาท ระหว่างวันทำราคาสูงสุดแตะที่ระดับ 6.05 บาท ก่อนจะย่อลงมาปิดตลาดที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 9.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154 ล้านบาท


สำนักข่าวรัชดา

ทันทีที่บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1.93 บาท ส่งผลให้วันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา หุ้น SVI แปลงร่างเป็นม้าศึกทันตา…โดยราคาเปิดตลาดพุ่งพรวดไปที่ระดับ 6.00 บาท ระหว่างวันทำราคาสูงสุดแตะที่ระดับ 6.05 บาท ก่อนจะย่อลงมาปิดตลาดที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 9.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154 ล้านบาท

นี่จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ที่อยู่ดี ๆ SVI ก็ลุกขึ้นมาจ่ายปันผลระหว่างกาลยีลด์สูงปรี๊ดดด 37% ทั้งที่ก่อนหน้านี้จ่ายปันผลไม่เกิน 10 สตางค์ หรือยีลด์ประมาณ 1.94% เท่านั้น

ถือเป็นเซอร์ไพรส์ในเชิงบวก…

แต่ไม่พ้นถูกตั้งข้อครหาว่า เป็นเกมรีดเงินของผู้ถือหุ้นใหญ่หรือไม่..?

เนื่องจากประจวบเหมาะกับที่ “พงษ์ศักดิ์ โล่ทองคำ” ทำเทนเดอร์ฯ หุ้นเสร็จพอดิบพอดี ถือหุ้น SVI เพิ่มเป็น 72.54% จาก 44.71%

ขณะที่การจ่ายปันผลครั้งนี้รวมกว่า 4,151 ล้านบาท นอกจากมาจากกำไร 9 เดือนปีนี้ และกำไรสะสมแล้ว ที่น่าสนใจยังมาจากการไปกู้แบงก์ 2,800 ล้านบาท ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า จำเป็นแค่ไหนที่บริษัทต้องไปกู้เงินมาเพื่อจ่ายปันผล…

มันยิ่งตอกย้ำว่า เกมนี้เพื่อผู้ถือหุ้นใหญ่..!

“พงษ์ศักดิ์” เริ่มกว้านซื้อหุ้น SVI ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 52 กระทั่งล่าสุด 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ประกาศทำเทนเดอร์ฯ เพื่อจะรวบหุ้น SVI อีกครั้ง จนทำให้ “พงษ์ศักดิ์” ถือหุ้น SVI จำนวน 1,561.94 ล้านหุ้น

ในการทำเทนเดอร์ฯ หุ้น SVI ของ “พงษ์ศักดิ์” ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมประเภทการเข้าซื้อกิจการโดยผู้บริหาร (Management Buyout หรือ MBO) เนื่องจาก “พงษ์ศักดิ์” อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารของ SVI

แต่การได้มาซึ่งหุ้น SVI ของ “พงษ์ศักดิ์” ต้องแลกมาด้วยต้นทุนทางการเงินจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งเมาท์กันว่าเป็นหนี้ก้อนโตจากแบงก์สีเขียวสูงถึง 2,800 ล้านบาท

เป็นเกมบีบให้เมื่อรวบหุ้น SVI เสร็จ ก็ต้องปันผลพิเศษ…ตามหลักการ ทำได้ไม่ผิดกฎหมาย เพราะผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์ทุกคน

แต่คนที่ได้ประโยชน์มากสุดหนีไม่พ้น “พงษ์ศักดิ์” ที่ได้เงินก้อนโตเข้ากระเป๋า 3,000 ล้านบาท

นั่นทำให้ “พงษ์ศักดิ์” สามารถล้างหนี้ได้สบาย ๆ

ถือเป็นการเก็บเกี่ยวกำไรจาก MBO ซะที.! หลังจากอดทนรอมานานนับ 10 ปี

แต่มีเสียงเตือนนักลงทุนที่หวังเก็งกำไรจากหุ้น SVI ต้องอาศัยจังหวะเข้าเร็ว-ออกเร็ว เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่สดใส

ดูได้จากผลงานย้อนหลังช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้รายได้โต แต่กำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ…

ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,603 ล้านบาท จากรายได้ 12,445 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 12.88% ปี 2560 มีกำไรลดฮวบเหลือสุทธิ 491 ล้านบาท จากรายได้รวม 12,681 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 3.87% ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 802 ล้านบาท จากรายได้รวม 15,792 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 5.08% และงวด 9 เดือนแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท จากรายได้รวม 12,010 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 2.86%

นั่นแสดงให้เห็นว่า SVI ยังมีปัญหาเรื่องบริหารจัดการต้นทุน…เมื่อไหร่ที่แก้โจทย์นี้ได้คงเห็นศักยภาพการเติบโตของกำไรที่ดีกว่านี้

แต่ไหน ๆ อุตส่าห์จ่ายปันผลก้อนโตทำให้ผู้ถือหุ้นมีความสุขกันถ้วนหน้าไปแล้ว…จะให้ดี “เฮียพงษ์ศักดิ์” ต้องปั๊มกำไรให้เติบโตกระฉูดด้วยสิ

ผู้ถือหุ้นจะได้มีความสุขไปนาน ๆ ไม่ใช่ประเดี๋ยวประด๋าวอย่างนี้…

…อิ อิ อิ…

Back to top button