PTTEP เปิดแผน 5 ปี ลงทุนรวม 7.43 แสนล้าน ตั้งเป้าปริมาณขายโตเฉลี่ยปีละ 6%

PTTEP เปิดแผน 5 ปี ลงทุนรวม 7.43 แสนล้าน ตั้งเป้าปริมาณขายโตเฉลี่ยปีละ 6%


บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งแผนการดำเนินงาน 5 ปี (ปี 63-67) มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 24,619 ล้านเหรียญสหรัฐ และวางเป้าปริมาณขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 6% มาที่ระดับ 4.67 แสนบาร์เรล/วันในปี 67

โดยแผนประจำปี 63 จะอยู่ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินการ (Execute) และกลยุทธ์การขยายธุรกิจ (Expand) มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 4,613 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure) 2,647 ล้านเหรียญสหรํฐ และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure) 1,966 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเป้าหมายปริมาณขายเฉลี่ยในปี 63 ที่ 3.88 แสนบาร์เรล/วัน

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 63 มุ่งเน้นกลยุทธ์ด้าน Execution โดยให้ความสาคัญกับแผนงานหลัก ดังนี้

  1. การรักษาปริมาณการผลิตจากโครงการผลิตหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเอส 1 โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และโครงการซอติก้า รวมถึงการรักษาปริมาณการผลิตและบริหารจัดการโครงการใหม่ที่ได้มา ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ได้แก่ โครงการ Malaysia โครงการ Partex รวมถึงโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 1,941 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว
  2. การเพิ่มปริมาณการผลิตในอนาคต โดยมุ่งเน้นและผลักดัน 3 โครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการมาเลเซีย-แปลงเอช โครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน และ โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในการเร่ง การพัฒนาโครงการมาเลเซีย ซาราวัก เอสเค 410 บี ซึ่งประสบความสำเร็จในการเจาะสำรวจในปีที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นตอนของการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) โดยบริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนในส่วนนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 425 ล้านเหรียญสหรัฐ
  1. การเร่งกิจกรรมการสำรวจเพื่อค้นหาทรัพยากร (Contingent Resources) เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจานวน 281 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายในการเจาะหลุมสำรวจและประเมินผล สำหรับโครงการสำรวจในมาเลเซีย และเมียนมา

สำหรับประมาณการรายจ่ายสำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 63-67) เป็นดังนี้

ทั้งนี้ จากแผนงานดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผ. คาดการณ์ตัวเลขประมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันจากโครงการปัจจุบัน ระหว่างปี 63-67 โดยมีอัตราการเติบโตของปริมาณการขายโดยเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (Compounding Annual Growth Rate : CAGR) ในช่วง 5 ปี ประมาณ 6% ดังรายละเอียดต่อไปนี้

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวเพื่อพร้อมรับมือกับสภาพ การดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และการศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ อาทิ การลงทุนในธุรกิจ Gas to Power ในเมียนมาเพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่บริษัทมีการลงทุนอยู่แล้ว

รวมถึงการลงทุนในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ผ่านบริษัท AI & Robotics Venture (ARV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. เป็นต้น ซึ่งในปี 63 จะพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับการใช้งานจริง ได้แก่ หุ่นยนต์อัตโนมัติใต้น้ำตรวจสอบท่อส่งปิโตรเลียมและโครงสร้างใต้น้ำ (Inspection-class Autonomous Underwater Vehicle: IAUV) หุ่นยนต์ซ่อมบำรุงท่อใต้น้ำ (Subsea Flowline Control and Repair Robot: SFCR) และหุ่นยนต์ตรวจสอบภายในท่อ (In-pipe Inspection Robot) รวมทั้ง ยังมีแผนพัฒนาอีกกว่า 30 โครงการให้บริการเชิงพาณิชย์ในปีถัด ๆ ไปอีกด้วย

ด้าน นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า จากงบประมาณดังกล่าว ปตท.สผ. คาดว่าในปี 63 จะสามารถเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมได้ประมาณ 11% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ ส่วนปริมาณการขายเฉลี่ยในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นความสำเร็จจากการดำเนินการตามกลยุทธ์ Expand ทั้งการชนะการประมูล และการเข้าซื้อกิจการในพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุนในประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และในตะวันออกกลาง

“ในปี 63 จะมุ่งเน้นการดำเนินการตามกลยุทธ์ Execute โครงการหลักต่างๆ เพื่อรักษาปริมาณการผลิต และเร่งการพัฒนาโครงการที่สำคัญให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผนเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต รวมทั้งเร่งกิจกรรมการสำรวจเพื่อค้นหาปิโตรเลียมเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว”นายพงศธร กล่าว

Back to top button