สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ม.ค. 2563

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ม.ค. 2563


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวสหรัฐและจีนเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันพุธนี้ โดยความคืบหน้าดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,907.05 จุด เพิ่มขึ้น 83.28 จุด หรือ +0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,288.13 จุด เพิ่มขึ้น 22.78 จุด หรือ +0.70% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,273.93 จุด เพิ่มขึ้น 95.07 จุด หรือ +1.04%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังจีนคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ลดลงอีกในปีนี้ ขณะที่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาดลงด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.18% ปิดที่ 418.39 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,036.14 จุด ลดลง 0.96 จุด หรือ -0.02% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,451.52 จุด ลดลง 31.79 จุด หรือ -0.24% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.60 จุด เพิ่มขึ้น 29.75 จุด หรือ +0.39%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ และแนวโน้มที่ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง นอกจากนี้ ความตึงเครียดที่คลี่คลายลงในตะวันออกกลางช่วยหนุนตลาดด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.60 จุด เพิ่มขึ้น 29.75 จุด หรือ +0.39%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) และทำสถิติปิดในลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐคลี่คลายลง ซึ่งทำให้ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านอุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดน้อยลงด้วย ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 58.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2562

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 64.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2562

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางคลี่คลายลง และการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งสัญญาณคืบหน้า

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 9.50 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,550.60  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 10.9 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 17.996 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3.90 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 982.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 2,079.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2998 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3063 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1138 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1123 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6906 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6911 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.91 เยน จากระดับ 109.52 เยน แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9706 ฟรังก์ จากระดับ 0.9726 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3047 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3058 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button